โรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อนิปาห์ไวรัส (Encephalitis: Nipah virus)

เชื้อไวรัสสมองอักเสบนิปาห์ (Encephalitis: Nipah virus) เป็นเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของการระบาดของโรคไข้สมองอักเสบในมาเลเซียที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2541 จนถึงปัจจุบันพบมีผู้ป่วยทั้งสิ้น 265 ราย เสียชีวิต 105 ราย เชื้อไวรัสนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อหมู่บ้านสุไหงนิปาห์ Dr. Chua Kos Bing นายแพทย์ชาวมาเลเซียเป็นผู้แยกเชื้อไวรัสนี้ได้เป็นครั้งแรก เดิมเรียกชื่อ ไวรัสนี้ว่า ไวรัสคล้ายเฮนดร้า (Hendra - Like Virus) เพราะมีลักษณะคล้ายไวรัสเฮนดร้าที่แยกได้เป็นครั้งแรกที่ประเทศออสเตรเลียในปี 2537 เชื้อไวรัสสมองอักเสบนิปาห์ อยู่ใน Family Paramyxoviridae ซึ่งมีลักษณะคล้ายเชื้อไวรัสเฮนดร้า มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 200-300 nm. (nanometer) เป็น RNA virus มีโครงสร้างของ envelope รูปร่างของไวรัสจัดตัวเป็นลักษณะ spherical (ทรงกลมเหลี่ยม) และ elongated (แท่งยาว) โดยมี Capsid เรียงตัวแบบ helical symmetry เชื้อไวรัสนิปาห์สามารถถูกทำลายได้ง่ายด้วยยาฆ่าเชื้อทั่วๆ ไป และสบู่หรือน้ำยาซักฟอก

อาการของโรคในผู้ป่วย

ระยะฟักตัวของโรคประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาการในผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นอาการของโรคไข้สมองอักเสบหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีรายงานเพียง 2 ราย ที่มีอาการทางระบบหายใจ อาการเริ่มด้วยไข้สูง ปวดศีรษะมาก ปวดกล้ามเนื้อ เป็นอยู่ 3-14 วัน ตามด้วยอาการซึม สับสน ชัก โคมาและเสียชีวิต อัตราป่วยตายด้วยโรคนี้ในคนประมาณร้อยละ 40 และพบว่าในคนมีการติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการได้

อาการของโรคในสุกร

- สุกรหย่านม (ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป) และสุกรขุน
ไข้สูง (อุณหภูมิมากกว่า 39.9 C) พร้อมกับอาการทางระบบทางเดินหายใจตั้งแต่หายใจเร็วและแรงขึ้น หายใจลำบากต้องอ้าปากหายใจ ไอแบบไม่มีเสมหะแล้วเสียงดังมาก สามารถได้ยินแม้อยู่ในระยะไกล อาการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นอาจพบร่วมกับอาการทางระบบประสาทดังต่อไปนี้ กระตุก ชักเกร็ง ขาหลังอ่อนไม่มีแรงยืน
- สุกรพ่อพันธุ์ - แม่พันธุ์
ไข้สูง (อุณหภูมิมากกว่า 39.9 C) พร้อมกับอาการหายใจลำบากต้องอ้าปากหายใจ มีน้ำลายไหล มีน้ำมูกซึ่งอาจมีเลือดปน อาจพบสุกรพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ตายกระทันหันใน 24 ชั่วโมง โดยไม่แสดงอาการใดๆ อาการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น อาจพบร่วมกับอาการทางระบบประสาท ดังต่อไปนี้ หัวชนฝา กัดราวคอก ชักเกร็ง
- สำหรับแม่พันธุ์อาจแท้งในช่วงไตรมาสแรกของการท้องและลูกที่แท้งออกมาอาจพบความผิดปกติ เช่น สมองฝ่อได้

การติดต่อของโรค

จากสุกรไปสุกร
พบว่าการแพร่เชื้อไวรัสนิปาห์จากสุกรตัวหนึ่งไปยังสุกรอีกตัวหนึ่งเกิดขึ้น โดยการสัมผัสโดยตรงกับเลือด ปัสสาวะ หรืออุจจาระของสัตว์ป่วยซึ่งมีเชื้อปนเปื้อนอยู่ นอกจากนี้ยังพบเชื้อไวรัสถูกขับออกมากับน้ำเชื้อ (semen) ของพ่อพันธุ์สุกรได้ การแพร่เชื้อโดยละอองที่เกิดจากการไอ (Coughing droplet) อาจเป็นอีกทางหนึ่งของการติดต่อของโรคดังกล่าวในสุกร แต่อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานว่าโรคสมองอักเสบนิปาห์แพร่จากฟาร์มสุกรหนึ่งไปยังอีกฟาร์มหนึ่งโดยการแพร่ไปทางอากาศ (Airborne Transmission)
จากสุกรไปยังสุนัขและแมว
พบว่าการแพร่เชื้อไวรัสนิปาห์จากสุกรป่วยไปยังสุนัขหรือแมว เกิดขึ้นจากการกินซากของสัตว์ป่วย หรือกินวัสดุที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัสปนเปื้อนมากับสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ป่วย เช่น ปัสสาวะเป็นต้น
จากสุกรไปคน
จากประวัติของผู้ป่วยด้วยโรคสมองอักเสบในประเทศมาเลเซีย พบว่าส่วนใหญ่เป็นคนงานในฟาร์มเลี้ยงสุกร และบางส่วนเป็นคนงานในโรงฆ่าสุกร ผู้ป่วยทุกคนมีประวัติสัมผัสโดยตรงกับสุกรมีชีวิต ไม่มีรายงานการป่วยในกลุ่มบุคคลต่อไปนี้ ผู้บริโภคเนื้อสุกร แพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาผู้ป่วย และยังไม่พบหลักฐานว่ามีการติดต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง
จากฟาร์มสุกรหนึ่งไปอีกฟาร์มหนึ่ง
ส่วนใหญ่มักเกิดจาการเคลื่อนย้ายสุกรป่วยหรือนำโรคโดยพ่อค้าคนกลางที่ไปรับเชื้อสุกร จากฟาร์ม

การวินิจฉัยโรค

ในการตรวจวินิจฉัยโรคสมองอักเสบนิปาห์ สามารถดำเนินการได้ 2 ลักษณะ คือ
การตรวจแยกหาเชื้อไวรัสนิปาห์
ตัวอย่างเนื้อเยื่อที่พบว่าสามารถแยกหาเชื้อไวรัสได้ คือ ปอด ทอนซิล ไต เลือด น้ำจากไขสันหลังของผู้ป่วย โดยเชื้อไวรัสที่แยกได้นี้ได้จากตัวอย่างของผู้เสียชีวิตและจากการตรวจหาการเรียงลำดับของกรดนิวคลีอิค (Nucleic acid sequencing) พบว่าแตกต่างจากเชื้อไวรัสเฮนดร้าประมาณ 20% จึงจัดว่าเชื้อไวรัสนิปาห์และเชื้อไวรัสเฮนดร้าเป็นไวรัสต่างชนิดกัน อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการแยกเชื้อไวรัสจากสุกรเนื่องจากในประเทศมาเลเซียยังไม่มีห้องปฏิบัติการ ในสังกัดกรมสัตวแพทย์บริการ ที่มีความปลอดภัยสูงในระดับ 4 (Level - 4 Security)
การตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนิปาห์จากซีรั่ม
วิธีที่ใช้ในการตรวจสอบคือ Enzyme - Linked Immunosorbent Assay (ELISA) เพื่อตรวจหาภูมิคุ้มกันชนิด IgM และ IgG โดยเชื้อไวรัสนิปาห์ที่ใช้ในการทดสอบจะถูกฉายรังสี (irradiation) ให้ตายเสียก่อนและตัวอย่างซีรั่มที่จะนำมาตรวจจะต้องผ่านการทำลายเชื้อไวรัสนิปาห์ที่อาจมีปนเปื้อนด้วยการเติมสารเคมีชนิด Tween - 20 และสารละลาย Triton ขนาด 100 เท่า และอุ่นที่อุณหภูมิ 56 C เป็นเวลา 30 นาที อย่างไรก็ตามการตรวจสอบ ELISA ที่ใช้อยู่ในขณะนี้ยังไม่มีความแม่นยำถึง 100% จึงมี false positive และ false negative อยู่อีกจำนวนหนึ่งต้องอาศัยการตรวจยืนยันด้วย Serum Neutralisation ซึ่งจำเป็นต้องใช้ไวรัสที่ยังมีชีวิตอยู่และจำเป็นต้องใช้ระบบความปลอดภัยสูงเช่นเดียวกัน


ที่มา : วันทนีย์ กัลล์ประวิทธ์. ไข้สมองอักเสบจากเชื้อนิปาห์ไวรัส.
คู่มือการดำเนินงานเฝ้าระวัง สอบสวน และควบคุมกลุ่มอาการไข้สมองอักเสบ ประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: กองระบาดวิทยา สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข; 2542. หน้า 27-2