โรคท้องร่วงจากเชื้อบิด (Coccidial diarrhea)
ในสภาพการเลี้ยงดูที่มีการจัดการไม่ดีโรคท้องร่วงในลูกสัตว์เป็นโรคที่พบได้เสมอสาเหตุของโรคอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หนอนพยาธิหรือโปรโตซัว โดยเกิดร่วมกัน หรือเกิดจากเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียว โรคบิดในโคพบได้ทั่วโลก มักเกิดในฝูงโคที่มีอายุน้อยและเลี้ยงรวมกันหนาแน่น
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อหลายชนิด แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ
1. โปรโตซัวในสกุล อัยเมอเรีย (Eimeria spp.)
2. โปรโตซัวในสกุล คริปโตสะปอริเดียม (Cryptosporidium spp.)<strongโรคบิดที่เกิดจากอัยเมอเรีย< strong="">
มักเกิดในลูกโคอายุน้อย ประมาณ 3 สัปดาห์ จนถึงอายุ 6 เดือน โดยกินน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อระยะติดต่อเข้าไป
อาการ
โคจะถ่ายเหลวมีเลือดปน อาจมีเยื่อเมือกหรือชิ้นส่วนของเยื่อบุลำไส้ปนออกมากับอุจจาระ ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นส่วนของลำไส้หลุดออกมา โลหิตจาง อ่อนเพลีย ซึม ไม่กินอาหาร แสดงอาการปวดเบ่ง และตรวจพบโอโอซีสต์จำนวนมากในอุจจาระ (ในโคที่เป็นแบบเฉียบพลันอาจตรวจไม่พบโอโอซีสต์) ลูกโคอาจตายภายใน 3-4 วันหลังแสดงการ
การตรวจวินิจฉัย
ใช้อุจจาระเตรียมตามวิธีลอยตัว (flotation) ด้วยน้ำเกลืออิ่มตัวนำส่วนที่ลอยตัวติดคอพเวอร์กล๊าส วางบนสไลด์ ตรวจกาซีสต์ด้วยกล้องจุลทรรศน์
การรักษา
โคที่ตรวจพบเชื้อให้กินยาต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่งคือ
1. แอมโพรเลียม (Amprolium) ให้ในขนาด 50-100 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวสัตว์ 1 กิโลกรัม
2. ยาซัลฟา เช่น ซัลฟาเมทาซิน (Sulfamethazine) ให้ขนาด 21.5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวสัตว์ 1 กิโลกรัม
การควบคุมและป้องกัน
1. มีการจัดการที่ดี เพราะโรคมักจะเกิดในฝูงที่เลี้ยงรวมกันหนาแน่นและขาดการสุขาภิบาลที่ดี
2. แยกสัตว์ป่วยออกไปจากฝูงเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
3. ให้ยาควบคุมโรค เช่น แอมโพรเลียม กินป้องกันในขนาด 36 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัวสัตว์ 1 กิโลกรัม
การเก็บตัวอย่างส่งห้องปฏิบัติการ
1. อุจจาระเก็บใส่ถุงพลาสติก แช่ในที่เย็นนำส่งห้องปฏิบัติการ
2. กรณีโคตายให้ขูดส่วนของเยื่อบุลำไส้ถุงพลาสติกแช่เย็นนำส่งตรวจฯโรคบิดที่เกิดจากคริปโตสะปอริเดียม
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อบิดที่มีขนาดเล็กมากที่สุด พบได้ในสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น ปลา ไก่ นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมทั้งคนด้วย เชื้อที่พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสามารถติดต่อมายังคนได้โดยการกินน้ำ อาหารที่มีเชื้อจากอุจจาระของสัตว์ป่วยปะปนอยู่ นับเป็นโรคสัตว์สู่คน ที่สำคัญโรคหนึ่ง
อาการ
ส่วนใหญ่จะเป็นในลุกโคอายุตั้งแต่ 7 วันขึ้นไป อาการของโรคจะรุนแรงมากในสัตว์ที่อายุน้อยความรุนแรงของโรคจะลดลงเมื่อสัตว์อายุมากขึ้น อาการที่พบคือ ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ซูบผอมเติบโตช้า ในโคที่เป็นอย่างรุนแรงอุจจาระอาจมีมูกเลือดปนออกมาด้วย
การตรวจวินิจฉัย
นำอุจจาระมาป้ายสไลด์ ตั้งไว้ให้แห้ง หยดเมททานอล เมื่อแห้งแล้วนำไปย้อมด้วยสี ซิล-นิลเชน ตรวจหาเชื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์กำลังขยาย 1000 เท่า
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาชนิดไหนรักษาได้ผลดี
การควบคุมและการป้องกัน
1. มีการจัดการและการสุขาภิบาลที่ดี รางน้ำและรางอาหารต้องวางอยู่ที่สูง อย่าให้มีการปนเปื้อนของอุจจาระ
2. เมื่อมีสัตว์ป่วยเกิดขึ้นในฝูงต้องแยกออกจากฝูงทันที เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค
ที่มา
ทัศนีย์ ชมภูจันทร์, มนัสนันนท์ ประสิทธิรัตน์ และมนยา เอกทัตร์ (บรรณาธิการ). 2539. คู่มือการดูแลสุขภาพโคนม" สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ. ฟันนี่พับบลิชิ่ง.
ทัศนีย์ ชมภูจันทร์, สุรีย์ ธรรมศาสตร์, ปนันท์ ธนเจริญวัชร, จิรา คงครอง และเอกรินทร์ วัฒนพลาชัยกูร (บรรณาธิการ). 2539. คู่มือมาตรฐานการชันสูตรโรคสัตว์. สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ.โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. </strongโรคบิดที่เกิดจากอัยเมอเรีย<>
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมปศุสัตว์