การเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคปากและเท้าเปื่อย
ศูนย์อ้างอิงโรคปากและเท้าเปื่อย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เลขที่ 1213/1 หมู่ที่ 11 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
โทรศัพท์ 044-314889 , 064-5068560 อีเมล์
- แนวทางการเก็บตัวอย่างเชื้อไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อยจากสัตว์
การเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคปากและเท้าเปื่อย (Foot-and-Mouth Disease: FMD) เป็นขั้นตอนที่สำคัญและต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ระมัดระวังและใช้เทคนิคที่ถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนในการเก็บตัวอย่างมีดังนี้:
1. การเตรียมอุปกรณ์และบุคลากร
- อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE): ใส่ถุงมือ, หน้ากาก, เสื้อคลุม และรองเท้าบูท เพื่อป้องกันการสัมผัสกับเชื้อ
- อุปกรณ์เก็บตัวอย่าง: มีแผ่นสไลด์, เข็ม, ขวดเก็บตัวอย่าง, น้ำเกลือปราศจากเชื้อ (sterile saline), และถุงพลาสติกปิดสนิท
2. การเลือกสัตว์ตัวอย่าง
- ควรเลือกสัตว์ที่มีอาการที่สอดคล้องกับโรคปากและเท้าเปื่อย เช่น มีแผลที่ปากและเท้า, มีน้ำลายไหล, หรือมีอาการเบื่ออาหาร
3. การเก็บตัวอย่างจากแผล ตัวอย่างเนื้อเยื่อหรือวิการที่มีคุณภาพ
- บริเวณที่ควรเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ
- การเก็บวิการที่เยื่อลิ้น และที่กีบ ต้องเก็บให้ถูกตำแหน่งหรือบริเวณที่มีไวรัสอยู่ โดยเก็บในสภาพที่เริ่มเป็นโรคใหม่ๆ และปริมาณและลักษณะเนื้อเยื่อควรเป็นแผ่นหรือชิ้นใหญ่
- ในการเก็บตัวอย่างจากแผลที่ปากหรือเท้า: ใช้สำลีหรือผ้าสะอาดชุบน้ำเกลือปราศจากเชื้อเพื่อเช็ดบริเวณแผล จากนั้นใช้เข็มหรือมีดสะอาดเก็บเนื้อเยื่อหรือหนองจากแผลลงในขวดเก็บตัวอย่างที่มีน้ำเกลือปราศจากเชื้อ
- โค กระบือ:
- แผลที่ลิ้น: ใช้ในการเก็บตัวอย่างเชื้อไวรัส FMD เนื่องจากเชื้อแพร่กระจายจากบริเวณนี้ได้ง่าย
- เยื่อบุภายในช่องปาก: เป็นอีกจุดที่เหมาะสำหรับการเก็บตัวอย่างเมื่อมีแผลเกิดขึ้น
- สุกร หรือโค กระบือ แพะ แกะ ที่มีอาการเดินเขยก:
- ควรเก็บตัวอย่างจาก บริเวณไรกีบ, ซอกกีบ หรืออุ้งกีบ โดยทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวด้วยน้ำสะอาดก่อนการเก็บตัวอย่าง
- ขนาดและการจัดเก็บเนื้อเยื่อ
- ควรเก็บเนื้อเยื่อไม่น้อยกว่า 1 กรัม หากเนื้อเยื่อที่ได้จากสัตว์ตัวหนึ่งไม่เพียงพอ ควรเก็บจากสัตว์ตัวอื่นเพิ่มและแยกขวดเก็บสำหรับแต่ละตัว
- บรรจุเนื้อเยื่อในขวดที่มีน้ำยา 50% กลีเซอรีนบัพเฟอร์ จากนั้นเขย่าให้น้ำยาเข้าท่วมเนื้อเยื่อ ปิดจุกขวดให้แน่น และปิดทับด้วยเทปเพื่อป้องกันการรั่วไหล
- ทำเครื่องหมายขวดให้ชัดเจน และใช้ น้ำยาฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดภายนอกขวดก่อนการนำส่ง
- การเก็บตัวอย่างจากน้ำลาย
- ใช้สำลีสะอาดชุบน้ำเกลือปราศจากเชื้อแล้วเก็บน้ำลายจากปากสัตว์ลงในขวดเก็บตัวอย่าง
- การเก็บตัวอย่างเลือด ตัวอย่างซีรัมที่มีคุณภาพ ต้องปฏิบัติดังนี้
- ใช้เข็มกระบอกฉีดยาและหลอดเก็บเลือดที่สะอาดและแห้งปราศจากเชื้อ เพื่อเจาะเลือดจากเส้นเลือดของสัตว์
- ทำการเจาะเลือดเสร็จแล้วให้วางหลอดในแนวเอียง เพื่อให้การแยกชั้นของซีรัมดีขึ้น
- ควรวางในอุณหภูมิห้อง (room temperature) ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมงก่อน ไม่ควรนำเข้าตู้เย็นทันทีเพราะจะทำให้ซีรัมไม่แยกชั้น หรือแยกได้น้อย
- ห้ามปั่นหลอดเลือดในขณะที่ยังไม่ได้ถ่ายซีรัมออก เพราะจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตกหรือเกิด hemolysis
- เมื่อแยกซีรัมแล้ว ให้เก็บที่อุณหภูมิแช่แข็ง หรือ Freezer - 20◦C
4. การปิดฉลากและการนำส่งตัวอย่าง
- ปิดฉลากระบุรายละเอียดของสัตว์และวันที่เก็บตัวอย่างอย่างชัดเจน
- เก็บตัวอย่างในถุงพลาสติกที่ปิดสนิทและแช่เย็นทันที เพื่อรักษาคุณภาพของตัวอย่างระหว่างการขนส่งไปยังห้องปฏิบัติการ
- ขวดบรรจุเนื้อเยื่อหรือน้ำเหลืองที่ฆ่าเชื้อภายนอกแล้ว ควรใส่ในภาชนะอีกหนึ่งชั้นเพื่อป้องกันขวดแตก
- ห่อด้วยกระดาษหลายๆ ชั้นหรือวัสดุอื่นที่สามารถกันขวดแตกได้ และบรรจุลงในกล่องหรือภาชนะที่ไม่แตกง่าย
- ควรบันทึกประวัติของสัตว์ผู้ป่วย และรีบนำส่งตัวอย่างทันที หรือถ้าจำเป็นต้องเก็บไว้ก่อน ควรเก็บในตู้เย็นหรือกระติกน้ำแข็ง
5. วิธีการนำส่งที่ดีที่สุด
- การนำส่งในสภาพแช่เย็น โดยใช้ปริมาณน้ำแข็งที่เพียงพอจนถึงห้องปฏิบัติการ เป็นวิธีที่ดีที่สุด
- หากไม่สามารถนำส่งในสภาพแช่เย็นได้ สามารถส่งทางไปรษณีย์โดยใช้บริการ EMS เพื่อให้ตัวอย่างถึงห้องปฏิบัติการได้เร็วที่สุด
***ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้สามารถเก็บและนำส่งตัวอย่างเชื้อไวรัส FMD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อและรักษาคุณภาพของตัวอย่างในการวินิจฉัย
7. การทำความสะอาดและกำจัดของเสีย
- ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ และกำจัดของเสียตามมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
- การเก็บตัวอย่างควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเหมาะสมและต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
*** การดำเนินการเหล่านี้ต้องทำโดยบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างถูกต้อง และควรปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
- ปัญหาที่พบบ่อย
- การเก็บตัวอย่างล่าช้า ทำให้เก็บได้น้อย หรือเป็นขุย
- เก็บในระยะที่แผลเริ่มหาย ทำให้ไม่สามารถเก็บได้
- เก็บไม่ถูกตำแหน่งที่มีไวรัส
- ข้อสังเกต
กระบวนการเก็บและนำส่งตัวอย่างเชื้อไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) ที่จะมีความแม่นยำและประสิทธิภาพมากขึ้น มีข้อแนะนำที่สำคัญดังต่อไปนี้:
- การเก็บตัวอย่างจากตุ่มใสตุ่มใสที่ลิ้น, อุ้งเท้า, ไรกีบ: ควรเก็บน้ำจากตุ่มใสเหล่านี้โดยใช้เข็มดูดและเก็บในขวดที่สะอาด ควรทำการเก็บก่อนที่ตุ่มใสจะแตก เพื่อให้ได้ตัวอย่างที่มีไวรัสในปริมาณมาก
- การเก็บในสภาพแช่เย็น: หลังเก็บน้ำจากตุ่มใส ควรเก็บตัวอย่างในสภาพแช่เย็นและรีบนำส่งห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด
การเก็บเชื้อจากแผลหรือเนื้อเยื่อ
- ควรเก็บเชื้อจากสัตว์ที่เริ่มแสดงอาการป่วยใหม่ๆ เช่น จากแผลหรือเนื้อเยื่อที่ลิ้นหรือกีบของสัตว์ เนื่องจากในช่วงนี้สัตว์จะมีปริมาณไวรัสมากพอสำหรับการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำ
ข้อควรระวังในการเก็บตัวอย่าง
- ห้ามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดเนื้อเยื่อ: การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อกับเนื้อเยื่อที่จะส่งตรวจอาจทำให้ผลการวินิจฉัยผิดพลาดได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในขั้นตอนนี้
- ทำความสะอาดภายนอกขวดและอุปกรณ์: ภายหลังการเก็บตัวอย่างเสร็จสิ้น ควรทำความสะอาดภายนอกขวดและอุปกรณ์ รวมถึงมือของผู้เก็บตัวอย่าง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไปยังที่อื่น
ข้อแนะนำเกี่ยวกับการตรวจซีรั่ม
- การส่งตัวอย่างซีรั่ม: ไม่แนะนำให้ส่งตัวอย่างซีรั่มเพื่อวินิจฉัยโรคโดยการจำแนกชนิดไวรัส เนื่องจากการตรวจซีรั่มไม่สามารถบ่งบอกชนิดไวรัสที่สัตว์ป่วยได้ วิธีนี้เหมาะสำหรับการตรวจหาระดับแอนติบอดีในสัตว์ที่เคยป่วยหรือได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งใช้ประโยชน์ในการศึกษาระบาดวิทยาและเฝ้าระวังโรคเท่านั้น
วิธีที่แม่นยำที่สุดในการวินิจฉัย
- การตรวจวินิจฉัยจากเนื้อเยื่อ: การตรวจจากตัวอย่างเนื้อเยื่อที่ลิ้นหรือกีบของสัตว์ป่วยเป็นวิธีที่แม่นยำและถูกต้องที่สุดในการระบุชนิดของไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อย
***ข้อมูลและแนวทางเหล่านี้จะช่วยให้การตรวจวินิจฉัยโรคปากและเท้าเปื่อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้อย่างดีที่สุด
ชนิดของบริการ |
ตัวอย่างที่ส่ง |
วิธีการตรวจ |
ระยะเวลาการตรวจ |
การตรวจวิเคราะห์และวินิจฉัยโรคปากเท้าเปื่อย |
|||
1. การตรวจสอบด้าน การตรวจหาแอนติเจน (Antigen Detection) |
- เนื้อเยื่อสัตว์ - น้ำยาไวรัสจากห้องปฏิบัติการ หรือสิ่งส่งตรวจอื่นๆ |
ELISA Typing |
2 วันทำการ |
-น้ำยาสกัดจากเนื้อเยื่อ, น้ำยาไวรัส ก่อน หรือ หลังผ่าน Tissue culture |
Virus Isolation test |
15 วันทำการ |
|
- น้ำสกัดจากเนื้อเยื่อหรือน้ำยาไวรัสจากตัวอย่าง |
Virus Isolation test และยืนยันด้วย ELISA typing |
15 วันทำการ |
|
- น้ำยาไวรัส |
Antigenic Variation (r - value) |
31 วันทำการ ต่อ 1 - 5 ตัวอย่าง 46 วันทำการ ต่อ 10 ตัวอย่าง |
|
- เนื้อเยื่อโค - น้ำยาไวรัสจากจากการเพาะเลี้ยงของห้องปฏิบัติการ ( viral fluid) - น้ำเชื้อโคแช่แข็ง |
Real-time RT-PCR |
3 วันทำการ |
|
- PCR product |
DNA Sequencing |
6 วันทำการ |
|
- น้ำสกัดจากเนื้อเยื่อ หรือ น้ำยาไวรัส |
DNA Sequencing |
9 วันทำการ |
|
|
|||
2. การตรวจสอบด้าน การตรวจหาแอนติบอดี ( Antibody Detection ) |
- เลือด, ซีรัม และอื่นๆ |
LP ELISA |
3 วันทำการต่อ 40 ตัวอย่าง 7 วันทำการต่อ 100 ตัวอย่าง 14 วันทำการต่อ 200 ตัวอย่าง |
- เลือด, ซีรัม และอื่นๆ |
NS test |
2 วันทำการ |
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมปศุสัตว์