จากกรณีมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ในประเทศเม็กซิโกและประเทศสหรัฐอเมริกานั้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไป เกษตรกร และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ สังกัดกรมปศุสัตว์ จึงขอนำคำถามและคำตอบที่น่าสนใจเกี่ยวกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ H1N1 และ ในไข้หวัดใหญ่ในสุกร ที่นักวิชาการต่างๆตั้งขอสันนิษฐานว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์เป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่นี้ มานำเสนอดังต่อไปนี้ | ||||||||||||
ไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร คืออะไร | ||||||||||||
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร จัดอยู่ในตระกูล Orthomyxoviridae ชนิด A ก่อให้เกิดโรคทางระบบเดินหายใจของสุกร สุกรที่ป่วยจะมีอาการไอ หายใจลำบาก มีน้ำมูก หนังตาบวมแดง และ ไข้สูง เป็นต้น โดยมีอัตราการป่วยสูงแต่อัตราการตายต่ำ (1-4%) การติดต่อในสุกรสามารถติดต่อได้โดยทางตรงจากการสูดหายใจเอาละอองที่มีเชื้อไวรัสจากสุกรที่ป่วยเข้าไปหรือทางอ้อมจากการสัมผัส ยานพาหนะ หรือ อุปกรณ์เครื่องมือที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส ปัจจุบันมีรายงานพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกรอยู่ 3 สายพันธุ์หลักๆ ได้แก่ H1N1 H3N2 และ H1N2 | ||||||||||||
คนสามารถติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกรได้หรือไม่ | ||||||||||||
เนื่องจากสุกรมีตัวรับบนผิวเซลล์ที่สามารถจับกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มาจากสัตว์ปีกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆรวมทั้งคน สุกรจึงเปรียบเสมือน “ถังผสม” หรือ “mixing vessel” เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสไข้หวัด 2 ชนิดหรือมากกว่า ในเซลล์เดียวกันอาจทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมระหว่างเชื้อไวรัสด้วยกัน ทำให้ได้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น (reassortant virus) จึงมีโอกาสทำให้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร นอกจากจะสามารถติดต่อระหว่างสุกรด้วยกันแล้ว ยังสามารถติดต่อจากสุกรไปสู่คนหรือคนไปสู่สุกรได้ ส่วนในกรณีของไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ที่ระบาดในประเทศเม็กซิโกและประเทศสหรัฐอเมริกา จากการวิเคราะห์ทางอณูชีววิทยาพบว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้มีส่วนประกอบของสารพันธุกรรมที่มีการสืบบรรพบุรุษมาจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในคน สุกร และสัตว์ปีก (แถบทวีปอเมริกา และแถบทวีปยุโรปและเอเชีย) จึงทำให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถติดต่อจากคนสู่คนขึ้น | ||||||||||||
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร สามารถติดต่อจากการบริโภคเนื้อสุกรได้หรือไม่ | ||||||||||||
ยังไม่พบหลักฐานที่แสดงว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกรสามารถติดต่อสู่คนผ่านทางการบริโภคเนื้อสุกรที่ผ่านกระบวนการที่ถูกสุขอนามัย นอกจากนี้ยังมีรายงานพบว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถฆ่าด้วยความร้อนที่ 56 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที หรือ 70 องศาเซลเซียส นาน 5 วินาที ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยและถูกสุขอนามัย ควรรับประทานอาหารสุก | ||||||||||||
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร สายพันธุ์ใหม่ มีโอกาสที่จะแพร่กระจายจากคนสู่คนไปทั่วโลกมากน้อยแค่ไหน | ||||||||||||
ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้แบ่งการเฝ้าระวังของโรคไข้หวัดใหญ่ เป็น 6 ระดับ ได้แก่
|
||||||||||||
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในคนสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร ได้หรือไม่ | ||||||||||||
ไม่ได้ เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ H1N1 ในคนมีความแตกต่างทางพันธุกรรมกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ในสุกร ดังนั้นคนที่ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดที่ใช้ในคนสามารถจะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกรได้ ในทางเดียวกันสุกรที่ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดที่ใช้ในสุกรสามารถที่จะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในคนได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังไม่มีวัคซีนในคนชนิดใด ที่ใช้สำหรับป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกรได้ | ||||||||||||
เราจะสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร ภายในฟาร์มสุกรได้อย่างไร | ||||||||||||
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร ภายในฟาร์มสุกรสามารถกระทำได้ดังต่อไปนี้ - การทำวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ให้กับสุกร ภายในฟาร์มสุกร (ในทางปฏิบัติอาจไม่คุ้มทุน) - การเข้มงวดระบบมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ภายในฟาร์มสุกร - การเข้มงวดกับผู้ปฏิบัติงาน ให้ดำเนินงานอย่างถูกสุขอนามัย เช่น สวมถุงมือ หรือ หน้ากาก ขณะปฏิบัติงานที่สัมผัสกับตัวสุกร เป็นต้น - มีระบบจัดการระบายอากาศภายในโรงเรือนที่ดี |
||||||||||||
ความพร้อมของกรมปศุสัตว์กับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในสุกร สายพันธุ์ใหม่ มีมากน้อยแค่ไหน | ||||||||||||
สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติและสำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ สังกัดกรมปศุสัตว์ มีความพร้อมที่จะตรวจวินิจฉัย ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสุกร ภายในฟาร์มสุกร รวมทั้ง โรงฆ่าสัตว์ ได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ เพื่อป้องกันหรือลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสระหว่างสัตว์สู่สัตว์ และสัตว์สู่คน |
||||||||||||
ไข้หวัดใหญ่ในสุกร ที่อยู่ในประเทศไทยมีความคล้ายคลึงกับไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ที่ระบาดอยู่ในประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกามากน้อยแค่ไหน | ||||||||||||
จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมระหว่างไข้หวัดใหญ่ในสุกร ที่อยู่ในประเทศไทย กับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ที่ระบาดอยู่ในประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา พบว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่ในสุกรที่อยู่ในประเทศไทยมีความแตกต่างกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ที่ระบาดอยู่ในประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา |
||||||||||||
ข้อมูล : น.สพ.ดร.รัฐพงศ์ รัตนภุมมะ |
สรุปประเด็นการประชุมมอบนโยบายเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ระบบ Video conference ระหว่างส่วนกลาง ร่วมกับ สำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัยที่ 1 ถึง 9
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2552 ระหว่างเวลา 09.00 – 10.00 น. ณ ห้องประชุม 2 กรมปศุสัตว์
อธิบดีกรมปศุสัตว์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง)
สถานการณ์ ณ วันนี้ เรื่องของ “ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก” ซึ่งทางรัฐบาลตั้งชื่อ “Swine flu” เป็น “ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก” เรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ sensitive เกี่ยวเนื่องกับพวกเราโดยตรง เมื่อวานนี้ (29 เมษายน 2552) ทางคณะกรรมการฯ ที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้ง ฯพณฯ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการฯ เพื่อดูแลเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก เนื้อหาหลักๆ เป็นการกำหนดมาตรการเตรียมความพร้อมในคน โดยอาศัยยุทธศาสตร์ของโรคไข้หวัดนก / ไข้หวัดใหญ่ ในส่วนของกรมปศุสัตว์ขอเรียนว่าจะมีการทำ “Active surveillance” เพื่อให้ทราบนโยบายว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร ได้เรียนเชิญอาจารย์ทวีศักดิ์ ส่งเสริม ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไวรัส ปัจจุบันท่านเป็นรองคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเป็นที่ปรึกษาของผมด้วย จะได้มาช่วยให้ข้อมูลทางด้านวิชาการแก่พวกเราว่า เชื้อตัวนี้เป็นอย่างไรจากการประชุมฯ คณะกรรมการระดับชาติเมื่อวานนี้ (29 เมษายน 2552) ได้ข้อมูลสรุปว่า ไวรัสที่พบเป็น Swine flu ในเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ มีลักษณะพิเศษ แตกต่างจากไวรัส H1N1 ที่เคยพบในประเทศไทย ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคตามปกติในสุกรทั่วๆ ไป หมายความว่าไวรัสตัวนี้เป็นไวรัสตัวใหม่และเป็นไวรัสที่เกิดขึ้นกับคน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ยืนยันกับกรมปศุสัตว์เมื่อวานนี้ (29 เมษายน 2552) ว่า เป็นไวรัสที่เกิดขึ้นกับคนเท่านั้น ยังไม่ได้มีรายงานว่าติดต่อจากสุกรมาสู่คน อย่างไรก็ตามทางข้อมูลวิชาการค่อนข้างจะชัดเจนว่า หมูเป็นตัวกลางที่จะสามารถเอาไวรัสที่เกิดขึ้นในสัตว์ปีก ในคน และในหมู มารวมกันได้ ณ วันนี้หลักฐานที่เกิดขึ้นจาก Swine flu ในเม็กซิโก เป็นหลักฐานข้อเท็จจริงที่ยืนยันว่า ได้มีการปรับเปลี่ยน เจริญเติบโต และพัฒนาเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่ไปแล้ว ต้องเตือนให้พวกเราเฝ้าระวังในฐานะที่ผู้เกี่ยวข้องกับ ปศุสัตว์ สุกรเปรียบเสมือน “ชาม” ที่จะรับเอาไวรัสต่างๆ เข้าไปรวมกัน ทำให้ไวรัสมีโอกาสเปลี่ยนแปลงเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จากรายงานทางวิชาการไวรัสที่พบมีส่วนที่เป็นทั้ง Avian Flu, ไวรัสในคนป่วย (American Flu) และไวรัสในหมู ค่อนข้างจะชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ในส่วนของ Gene sequencing บ่งชี้ว่าไวรัสมีการรวมตัวกัน คงจะไม่ใช่เกิดขึ้นในช่วงที่เกิดโรค 1 - 2 เดือนที่ผ่านมานี้ ไวรัสนี้อาจมีการพัฒนามานานแล้ว ยังมีข้อเท็จจริงอีกอย่างหนึ่งที่พบจากสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ซึ่งมีการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสในสัตว์ปีกในช่วงที่มีไข้หวัดนกระบาด จนกระทั่งปัจจุบันมีโครงการวิจัยร่วมกับญี่ปุ่น ทำ passive surveillance การเก็บตัวอย่างภายในประเทศมาตรวจ ตั้งแต่ปี 2545-2546 ยืนยันว่าไวรัสที่พบชนิด H1N1 ที่ไม่เหมือนกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในขณะนี้ในฐานะที่กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับการพัฒนาปศุสัตว์ของประเทศ ต้องยอมรับว่าหมู มีลักษณะของเซลล์ใกล้เคียงกับเซลล์ของมนุษย์มากที่สุด พวกเรากลัวว่าจะเกิดปัญหาได้เมื่อครั้งมีโรคไข้หวัดนกระบาดขึ้น อาจทำให้มีการรวมตัวของไวรัสไข้หวัดนกและไวรัสไข้หวัดหมูในตัวหมู กลายเป็นไวรัสตัวใหม่ เพราะฉะนั้นทางกรมปศุสัตว์จึงได้มีมาตรการในเบื้องต้นโดยมีการชะลอการนำเข้าสุกรมีชีวิตและผลิตภัณฑ์จากประเทศที่มีการระบาดของโรค Swine flu ข้อจำกัดอีกอย่างหนึ่งคือ Swine flu ยังไม่ได้กำหนดเป็นโรคตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ ดังนั้นจึงใช้มาตรการควบคุมป้องกันโรคระบาดในภาพรวมของพระราชบัญญัตินี้ โดยอ้างว่าเป็นโรคที่มีความรุนแรงและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รวมทั้งมีผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนทั้งหมด ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับโรค / เชื้อที่ยังไม่ประกาศในกฎหมาย ซึ่งต้องรอ OIE มีหลายประเทศได้ใช้มาตรการเช่นเดียวกันนี้ ในการชะลอนำเข้าสัตว์จากประเทศที่มีรายงานว่ามีการระบาดของไวรัสตัวนี้ มีบางประเทศห้ามนำเข้าสุกรทั้งหมด แต่ประเทศเรายังไม่ถึงกับห้ามนำเข้า ในเบื้องต้นต้องไม่ให้นำ Exotic disease เข้ามาในประเทศไทย ประการที่สองทางกรมปศุสัตว์ได้ตั้ง War Room ขึ้นใหม่ เพื่อดูแล เฝ้าระวังปัญหานี้ โดยแต่งตั้งรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายทฤษดี ชาวสวนเจริญ เป็นประธานฯ และนายอภัย สุทธิสังข์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมโรคระบาด เป็นเลขานุการฯ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกัน / ดูแลโรคไข้หวัดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในสุกรกรมปศุสัตว์จะทำ Active surveillance โดยที่จะดำเนินการสุ่มเก็บตัวอย่าง Nasal swab จากหมู ทั้งจากหมูที่อยู่ในฟาร์มและโรงฆ่าสัตว์ ณ วันนี้มีความมั่นใจว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก ยังไม่มีการระบาดเข้ามาในประเทศไทย แต่ต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้รู้สถานภาพที่แท้จริงว่า มีเชื้ออะไรบ้าง มีลักษณะอย่างไร เพื่อเตรียมการป้องกัน ควบคุม หากเกิดการระบาดขึ้น โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยทาง สำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ (สคบ.) และ รอธ.ทฤษดีฯ จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องต่อไปที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะแก้ไขปัญหาคือ สร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ไม่ให้ตื่นตระหนก โดยต้องเน้นให้ทราบว่า ไวรัสที่ทำให้สุกรเป็นไข้หวัดในบ้านเรา เป็นคนละตัวกับไวรัสกำลังระบาดในประเทศเม็กซิโก ให้ประชาชนระวังตัว / ตระหนักไว้ ซึ่งไวรัสอาจเกิดขึ้นได้ ให้ระวังตัว เตรียมความพร้อม และตระหนักแต่ไม่ประมาท พี่น้องเกษตรกรหลายคนมีความเสี่ยงมากที่สุด 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู และกลุ่มผู้ที่อยู่ในโรงฆ่าสัตว์ มีความเสี่ยง ต้องทำความเข้าใจ / ให้ความรู้ว่า ถ้าเรารับประทานอาหารที่ปรุงสุก / ของร้อน จะมีความปลอดภัย อาจารย์ทวีศักดิ์ฯ ให้ข้อมูลว่าเชื้อไวรัสตัวนี้จะตายที่อุณหภูมิไม่สูงมากนัก ทางกระทรวงสาธารณสุขพยายามรณรงค์การรับประทานอาหาร ควรรับประทานของร้อน / ใช้ช้อนกลาง จะมีความปลอดภัย ซึ่งพวกเราจะได้ช่วยเสริมในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ขอให้มีการสร้างความเข้าใจ / เฝ้าระวังในเรื่องนี้กระบวนการควบคุมป้องกัน Swine flu ขอให้ใช้โครงสร้างของการป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดนก โดยมีคณะกรรมการในระดับจังหวัด จากการประชุมของคณะกรรมการระดับชาติ กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นตัวกลาง/ตัวแทนหลัก ในระดับจังหวัด โดยมีอาสาพัฒนาปศุสัตว์ในพื้นที่จะเป็น ตัวประกอบที่จะให้ข้อมูล / ตัวแกนหลักที่จะส่งข้อมูลไปถึงพี่น้องประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งพวกเราเคยทำสำเร็จมาแล้วในการควบคุมโรคไข้หวัดนก โครงสร้างนี้ขอให้ดำเนินการต่อไป
ขอให้พวกเราทุกคนทำความเข้าใจไวรัสตัวนี้ ณ วันนี้ขอกล่าวถึงข้อมูลยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขว่า “ไวรัสเม็กซิโกและไวรัสในหมูในประเทศไทย เป็นคนละตัวกันแน่นอน”ไวรัสในคนที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นไวรัสที่ติดต่อจากคนสู่คนได้ ซึ่งหมายความว่า ไวรัสตัวนี้มีการพัฒนาตัวเองมาแล้ว case ที่เกิดขึ้นขณะนี้ในหลายประเทศ เป็น case ที่มีการติดต่อจากคนไปสู่คน ไม่ได้ติดต่อจากสัตว์ไปสู่คน ขอให้พวกเราทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้ชัดเจนในการเตรียมความพร้อมของกรมปศุสัตว์ เป็นการเตรียมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ทำการป้องกันไม่ใช่การแก้ปัญหา ขอให้ทุกคนอยู่ในสถานการณ์เตรียมความพร้อมป้องกันและรับรู้สถานการณ์ให้เร็วที่สุด เรื่องนี้ทางกรมปศุสัตว์ในส่วนกลางและศูนย์ War Room จะให้ข้อมูลแก่พวกเราในต่างจังหวัดต่อไปเรื่อยๆ ในการประชุมในวันนี้เป็นการประชุมทางไกลโดยจะใช้ Tele-conference เพื่อเชื่อมโยงส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคมากขึ้นเท่าที่จะมากได้ รวมทั้งจะได้เรียนเชิญอาจารย์ทวีศักดิ์ฯ มาให้ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติงานการทำงานในส่วนนี้ เมื่อวานนี้ (29 เมษายน 2552) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ขอร้องให้หน่วยงานด้านระบาดวิทยาทั้งหมดของกรมปศุสัตว์ และหน่วยงานด้านเฝ้าระวัง / สอบสวนโรค ขอให้ทำงานร่วมมือ / ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด โดยกระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบหลัก เนื่องจากเป็นโรคที่ติดต่อจากคนไปสู่คน ได้มีคำถามว่า “ทำไมเรียก Swine flu” อาจารย์หมอยงฯ ได้ให้ข้อมูลว่า โดยพื้นฐานไวรัสตัวนี้มีตัวฐานมาจากไวรัสของสุกร และไวรัสสัตว์ปีก ปะปนมาด้วย จึงตั้งชื่อเช่นนั้น และได้ข่าวว่าทางสหรัฐอเมริกา จะเปลี่ยนชื่อเป็น “ไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1” ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่เปลี่ยนชื่อเป็น “ไข้หวัดใหญ่จากประเทศเม็กซิโก”ในเบื้องต้นขอให้ทำความเข้าใจกับประชาชน อย่าตื่นตระหนก หมั่นดูแลด้าน ความสะอาด การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ สุขอนามัยของสัตว์ คุณภาพอาหาร การเฝ้าระวัง / ทำงานเชื่อมโยงขอให้ใช้โครงสร้างโรคไข้หวัดนก ช่วงนี้ต้องทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกร ท่านที่ปรึกษาฯ นิกร ได้ให้คำแนะนำกรมปศุสัตว์ว่า ขอใช้โอกาสนี้ทำงานในเชิงรุก เพื่อที่จะทำให้ทุกคนเกิดมั่นใจในการดูแลสุขภาพอนามัยของปศุสัตว์ในประเทศ และ ความปลอดภัยด้านอาหาร เป็นโอกาสดีที่เจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ ควรรีบดำเนินการในส่วนนี้ ช่วยผลักดันให้เกิดความชัดเจน ให้คนทั่วไปรับรู้ว่ากรมปศุสัตว์ทำงานอย่างไรบ้าง จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองได้อย่างไร ขอเรียนว่าเราทำงาน “ป้องกัน” อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องเตรียมความพร้อมที่จะแก้ไขถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นขอเรียนให้ สสอ. ทั้ง 9 เขต ว่า หัวใจในการควบคุมโรคในขณะนี้ ขอให้ใช้ e-Service เต็มรูปใน การควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ให้มีประสิทธิภาพ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เชิญทูตทั่วโลกมาร่วมประชุมเกี่ยวกับมาตรการ ความปลอดภัยด้านอาหาร เรื่องหนึ่งที่มีการแสดงนิทรรศการ คือ traceability ของกรมปศุสัตว์ ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่พ่อแม่พันธุ์ จนถึงเนื้อไก่และสุกร ณ วันนี้มีการใช้ระบบควบคุมการเคลื่อนย้ายตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ฯ ซึ่งใช้ e-Service ขอให้ทุกจังหวัดใช้ระบบนี้ และถ้าเป็นไปได้ในวันพรุ่งนี้ (1 พฤษภาคม 2552) จะนำผู้สื่อข่าวไปดูงานที่ สสอ.7 ขอให้เตรียมตัว / ข้อมูลขอให้ใช้เวทีนี้เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างส่วนกลางกับส่วนภูมิภาค โดยจะมีการประชุมเรื่องอื่นๆ ด้วย ต้องทำความเข้าใจโรคนี้ให้ชัดเจน มิฉะนั้นแล้วจะเกิดความแตกตื่น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร เน้นย้ำว่าโรคที่เกิดในเม็กซิโกเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ในคน ติดต่อจากคนไปสู่คน เมื่อตอนเช้าวันนี้ (30 เมษายน 2552) ทาง องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศเตือนโรคเป็นระดับ 5 ซึ่งหมายความว่า เป็นการติดต่อระหว่างคนสู่คน ข้ามระหว่างประเทศตั้งแต่ 2 ประเทศ และมีคนเสียชีวิต ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตเป็นรายแรกแล้วเมื่อวานนี้ (29 เมษายน 2552) นอกจากที่มีผู้เสียชีวิตในประเทศเม็กซิโกก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่ามีผู้เสียชีวิตใน 2 ประเทศแล้ว เป็นสิ่งที่พวกเราต้องให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์ของโรคอย่างใกล้ชิด ข้อมูลต่างๆ สามารถดูได้จากเว็บไซต์ของกรมปศุสัตว์ ซึ่ง สคบ. ได้เตรียมข้อมูลเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง รอธ.ทฤษดีฯ จะมีการประชุม War Room ขอให้ผู้อำนวยการสำนักสุขศาสตร์สัตว์และสุขอนามัยถ่ายทอดข้อมูลที่นำเสนอในวันนี้ให้แก่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด / สำนักงานปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่รับผิดชอบ และส่วน สสอ.9 ที่ยังมีปัญหาในการใช้ Tele-conference นั้น ทางศูนย์สารสนเทศ จะได้เดินทางไปแก้ไขต่อไปขอให้ใช้ Tele-conference จัดประชุมเชื่อมโยงระหว่างส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคแบบนี้อีก และ ขอความร่วมมือจาก สสอ. ให้กำชับเจ้าหน้าที่ใช้งานระบบ e-service ซึ่งขณะนี้ รอธ. ทฤษดีฯ ได้แจ้งว่า มีการเปิดใช้ไปแล้ว จะทำให้ทราบข้อมูลการเคลื่อนย้ายสัตว์ มีประโยชน์ด้านความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ภายในประทศ วางแผนการตลาด และอื่นๆ ต่อไปรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ (นายทฤษดี ชาวสวนเจริญ)
ตามที่ท่านอธิบดีได้ให้นโยบายแล้ว ทุกท่านคงทราบดีว่า กรอบการดำเนินงานในการป้องกันโรคไข้หวัดสุกร ควรดำเนินการอย่างไร และถือโอกาสนี้ทำงานในเชิงรุก ในเรื่องการประชาสัมพันธ์สร้าง ความเข้าใจให้แก่เกษตรกร เป็นโอกาสดีที่จะทำให้เกษตรกรยกระดับการเลี้ยงสุกร เพื่อที่จะได้มีการควบคุมป้องกันโรคภายในฟาร์ม ไม่เพียงแต่โรคไข้หวัดสุกรอย่างเดียว จะเป็นการพัฒนาการเลี้ยงสุกรในบ้านเราซึ่งส่วนหนึ่งได้เข้าสู่ระบบมาตรฐานฟาร์มแล้ว อย่างไรก็ตามในการควบคุมโรคในฟาร์มจะต้องทำงานอย่างเป็นระบบ ทำงานอย่างสม่ำเสมอ ขอเน้นว่าถ้าหากเกษตรกรสามารถพัฒนาระบบการเลี้ยงสุกรเข้าสู่มาตรฐานได้จะ ยิ่งดี แต่อย่างไรก็ตามการควบคุมความปลอดภัย / ป้องกันโรคในฟาร์มสุกร ขอให้เน้นในเชิงรุก ตระหนักใน การควบคุมป้องกันโรคในฟาร์มสุกรโดยทำงานในเชิงรุก ซึ่งทางกรมปศุสัตว์ได้มีหนังสือสั่งการไปแล้วเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2552 เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจให้แก่เกษตรกรอีกเรื่องหนึ่งคือ การติดตามการควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ผ่านระบบ e-Service ขอให้ สสอ. แจ้งไปยังจังหวัดทุกจังหวัด กำชับให้นำระบบ e-Service มาใช้ในทุกอำเภอ ซึ่งขณะนี้ได้ขยายการใช้งานไปแล้วเกือบทุกอำเภอ อย่างไรก็ตามให้มีการเข้มงวดในระบบ e-Service ให้ใช้งานได้ เนื่องจากเราสามารถจะตรวจสอบย้อนกลับการเคลื่อนย้ายได้ วันนี้ (30 เมษายน 2552) ได้เปิดดูข้อมูลทั้งประเทศพบว่า เมื่อวานนี้ (29 เมษายน 2552) เพียงวันเดียวมีการเคลื่อนย้ายสุกรข้ามจังหวัดทั้งประเทศ ประมาณ 1,000 ตัว ยังไม่มีข้อมูล การเคลื่อนย้ายภายในจังหวัดเนื่องจากว่าเราจะต้องประกาศเป็นเขตสงสัยโรคระบาดซึ่งจะมีเฉพาะโรค FMD ในบางพื้นที่ที่ออกใบ ร.3 จะมีข้อมูล ดังนั้นจึงมีข้อมูลเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น ฝากให้ สสอ. ดำเนินการในเรื่องนี้ซึ่งข้อมูลจะมีประโยชน์การทำ Active surveillance ทางกรมฯ จะมีรายละเอียดแจ้งไปยังพื้นที่ เป็นการทำ Active surveillance ทั่วประเทศ ขอให้ สสอ. Foreward ผลงานที่เป็นภาพรวมไปยัง สสอ. อื่นด้วย เพื่อให้ทราบว่าในการทำ Active surveillance ในแต่ละ สสอ. นั้นๆ สถานการณ์ของแต่ละโรคในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร ทั้งนี้จะมีการทำ Active surveillance โรคไข้หวัดสุกร กำหนดเป้าหมายว่า จะมีการสุ่มตรวจตัวอย่าง Nasal swab จากสุกร ทั้งที่เลี้ยงเป็นระบบฟาร์มและเกษตรกรรายย่อยทั่วไป รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบในภายหลังว่าจะมีเป้าหมายอย่างไร รวมทั้งการเก็บตัวอย่างจากโรงฆ่าสัตว์ ซึ่งจะดำเนินการเป็นเวลา 1 เดือน เริ่มจากวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2552 เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกรมฯ ได้สำรวจโรคในสุกรเป็นระยะๆ ตั้งปี 2545 - 2546 เป็นต้นมา
รศ.น.สพ.ดร.ทวีศักดิ์ ส่งเสริม
รองคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ / ที่ปรึกษากรมปศุสัตว์
ไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และแคนาดานั้น เป็นไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นในคน แต่เกิดความผิดพลาดในการสื่อความหมายไปทั่วโลกว่าเป็น “โรคไข้หวัดหมู” ตามความเป็นจริงอาจเรียกเช่นนั้นก็ได้ แต่มีที่มาที่ไปว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่ระบาดในในเม็กซิโกและเป็นข่าวใหญ่โตนั้น ให้ชื่อว่า “Swine flu” หรือ “ไข้หวัดหมู” เป็นเพราะว่า ในโครงสร้างของตัวไวรัสนี้ ซึ่งเป็นไวรัสตัวใหม่ซึ่งยังไม่เคยมีรายงานมาก่อน มีโครงสร้างที่ประกอบด้วยยีนส์มาจาก 3 ส่วน คือ ยีนส์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่จากหมู จากสัตว์ปีก และจากคน ส่วนใหญ่ในภาพรวมเป็นยีนส์ไวรัสไข้หวัดใหญ่จากหมู ดังนั้นจึงตั้งชื่อเป็น “Swine flu” ซึ่ง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดพลาด ในเชิงวิชาการเป็นไปได้ แต่ทำให้การสื่อความหมายที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ / เข้าใจผิดพลาดไข้หวัดใหญ่ในคนมี 3 กลุ่ม คือ A, B และ C เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่กำลังระบาดในวันนี้เป็นกลุ่ม A ซึ่งไวรัสในกลุ่ม A มีหลายตัว เชื้อไวรัสไข้หวัดนกก็จัดอยู่ในกลุ่ม A กลุ่มนี้มีหลายชนิดตั้งแต่ H1 ถึง H16 ในคนเป็นไข้หวัดใหญ่กลุ่ม A เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นไวรัสในคน นก สุนัข แมว และหมู ที่กำลังกล่าวถึงขณะนี้ เป็นกลุ่มไวรัสที่ใหญ่มาก ตามธรรมชาติพบว่าหมูเป็นสัตว์ที่มีความพิเศษอย่างหนึ่งคือ เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนยีนส์ของไวรัสต่าง สายพันธุ์ เพราะฉะนั้นหมูจึงอาจติดเชื้อไขหวัดใหญ่จากคน ในขณะเดียวกันอาจติด เชื้อไข้หวัดจากสัตว์ปีกได้ด้วย เพราะฉะนั้นเวลาที่เราพูดว่าเป็น Swine flu ต้องพิจารณาว่าจริงๆ แล้วหลักใหญ่คืออะไรไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่เป็นตัวใหม่ที่ไม่เคยค้นพบมาก่อนและมีการติดต่อจากคนสู่คน ในประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และแคนาดานั้น ยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อไวรัสมีการติดต่อจากหมูสู่คนในกรณีคนสัมผัสกับหมู แต่ที่เป็นความจริงในขณะนี้ก็คือ การติดต่อระหว่างคนสู่คน เพราะฉะนั้นจะต้องทำความเข้าใจตรงนี้ เนื่องจากเชื้อไวรัสนี้ไม่เหมือนกับเชื้อไวรัส H5N1 ที่ติดต่อจากไก่มาสู่คนได้ แต่การกระจายตัวของไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นไข้หวัดในคน ติดต่อจากคนสู่คน เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่เคยพบมีหลายตัว ส่วนที่พบในขณะนี้เป็นตัวใหม่ล่าสุด ต้องป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดมาสู่ประเทศของเราและทวีปเอเชีย จากการตรวจเส้นทางจากประเทศที่กำลังมีโรคไข้หวัดใหญ่ในคนระบาดอยู่นั้น มีความเป็นไปได้สูงสุดที่จะแพร่ระบาดติดต่อจากคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศของเรา เพราะฉะนั้นกระทรวงสาธารณสุขและทางรัฐบาลต้องสกัดกั้นคนป่วยหรือสงสัยว่าป่วยด้วยโรคนี้ มีอาการไข้สูง ตามสนามบินเข้า / ออกประเทศ ตอนนี้ประเทศของเรามีมาตรการ ประสบการณ์ในการป้องกัน และทำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว แต่ประเทศเพื่อนบ้านของเราทำเช่นนี้ด้วยหรือไม่ ยังไม่ทราบ ถ้าหากว่าคนจากประเทศที่มีโรคระบาดเข้ามาในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วติดต่อเข้ามาภายในประเทศของเราตามแนวชายแดนแล้วประเทศของเราจะป้องกันย่างไร ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข ต้องหาแนวทางแก้ไข แต่ทางด้านปศุสัตว์ต้องป้องกันไม่ให้หมูในประเทศของเรารับเชื้อนี้แล้วติดต่อมายังคนข้อมูลเดิมที่พบเชื้อไวรัส H1N1 และ H2N3 ได้ในคน แต่เป็นคนละตัว จากการพิสูจน์ลำดับยีนส์พบว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ในสุกรและในคน ไม่เหมือนกันเลย และไม่เหมือนกับเชื้อไวรัส H1N1 ที่เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโก ขออย่าได้ตื่นตระหนกสรุปว่า คนติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จากหมูแล้วลุกลามใหญ่โต แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น แต่เกิดโรคติดต่อจากคนไปสู่คนเป็นส่วนใหญ่ ณ วันนี้เรายังไม่ทราบว่าเชื้อตัวนี้ติดต่อจากคนไปสู่หมูหรือไม่ ยังไม่มีข้อมูลยืนยัน แต่เท่าที่ทราบส่วนใหญ่จะติดต่อจากหมูสู่คน แต่ก็เป็นไปได้ที่จะติดต่อจากคนไปสู่หมู เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ในคน มีลักษณะคล้ายกับเชื้อไวรัสที่พบในหมู ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ช่วยประชาสัมพันธ์ว่า ( 1 ) เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ในคนที่ระบาดในประเทศเม็กซิโก / สหรัฐอเมริกา ยังไม่พบในประเทศไทย ( 2 ) ยังไม่มีหลักฐานแสดงว่าคนป่วยเหล่านั้น ติดเชื้อมาจากหมู ขอให้สร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนเพื่อไม่ให้ตื่นตระหนก แต่อย่างไรก็ตามโรคนี้ก็มีโอกาสที่จะแพร่มายังประเทศไทย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการ / มาตรการที่จะควบคุม ซึ่งทางรัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้โดยการตรวจสอบ / คุมเข้มผู้โดยสายขาเข้าที่สนามบิน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัตว์นั้น อย่าประมาทเพราะความเข้าใจที่ว่า เชื้อไม่ได้ติดต่อจากสุกรสู่คน แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเชื้อไวรัสจะแพร่เข้ามาในประเทศของเราเมื่อไร จะทราบแน่ชัดก็ต่อเมื่อโรคเข้าในประเทศไทย มาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการในขณะนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างภาพ แต่ต้องทำจริงๆ ต้องร่วมมือกับหน่วยราชการอื่นๆ เพื่อสกัดกั้นคนป่วยเหล่านั้นไม่ให้เข้ามาในประเทศของเราตามปกติเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 เกิดในหมูได้ ถ้าหมูที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่พบในบ้านเรา จะป่วย 3 – 4 วัน แต่ไม่ตาย จะหายได้เป็นปกติ และจะมีภูมิคุ้มกันอยู่ในกระแสเลือด ยกเว้นมีโรคอื่นแทรกซ้อนอาจทำให้หมูตายได้ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่พบในสุกรในบ้านเรา ไม่เหมือนกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่ติดเชื้อจากคนสู่คนในประเทศเม็กซิโก และเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่พบในคนในบ้านเรา ไม่เหมือนเช่นเดียวกัน ไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกมีโอกาสที่จะแพร่เข้ามาในประเทศเรา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรการป้องกันตามที่ได้ทราบว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 เกิดในคนที่ประเทศเม็กซิโก เป็นไวรัสที่ผสมกันระหว่างเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่กลุ่ม A จากสุกร คน และสัตว์ปีก โดยที่หมูมีศักยภาพในการเป็นแหล่งรองรับเชื้อไวรัส แลกเปลี่ยนยีนส์ผสมข้ามสายพันธุ์ได้เป็นไวรัสตัวใหม่ เป็นเหตุผลสอดคล้องที่ว่าทำไมต้องทำ Active surveillance เพื่อยืนยันให้ทราบว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่พบในสุกรในบ้านเรา ไม่เหมือนกับสายพันธุ์ที่พบในคนในประเทศเม็กซิโก / สหรัฐอเมริกาเนื่องจากเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จัดอยู่ในกลุ่ม A เช่นเดียวกับเชื้อไวรัสไข้หวัดนก คุณสมบัติทางกายภาพไม่มีความแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นในเรื่องของน้ำยาฆ่าเชื้อ การกำจัด และความคงทนในสิ่งแวดล้อม ไม่มีความแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าบ้านเราจะยังไม่พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เกิดในเม็กซิโกขณะนี้ก็ตาม แต่ควรส่งเสริมให้รับประทานอาหาร เนื้อสุกรปรุงสุก จะปลอดภัยจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งแบคทีเรียซัลโมเนลล่า และเชื้ออื่นๆ อีกด้วย ดังนั้นเป็นโอกาสดีอีกครั้งหนึ่งที่พวกเราจะได้มีส่วนร่วมที่จะให้ความรู้ว่า “การรับประทานอาหารที่ปรุงสุกจะปลอดภัยจากเชื้อโรคนี้”ผู้เลี้ยงสุกร คนทำงานในโรงฆ่า และผู้จำหน่ายเนื้อสุกรที่ป่วยเป็นไข้หวัด จะยังไม่ติดเชื้อไวรัสนี้เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เกิดในประเทศเม็กซิโก ยังไม่พบในประเทศไทย แต่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 มีหลายตัว ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเข้ามาบ้านเราเมื่อไร แต่อย่าได้ตื่นตระหนก อย่าประมาท ถ้าคนเหล่านี้เป็นไข้คล้ายๆ กับไข้หวัดใหญ่ ให้รีบไปพบแพทย์ แต่อย่าตีโพยตีพายว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จากหมู ในเบื้องต้นสรุปอย่างนั้นไม่ได้ อาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่ธรรมดาเหมือนกับคนทั่วๆ ไป ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ กรมปศุสัตว์ ทำความเข้าใจกับบุคคลเหล่านั้นด้วย มิฉะนั้นแล้วจะเกิดความเข้าใจผิดที่ว่า “การสัมผัสกับหมูแล้วป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ทำให้เข้าใจผิดและจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้”
การทำ x-ray โรคไข้หวัดนก มีการเก็บตัวอย่างโดยวิธี Cloacal swab ส่วนการเก็บตัวอย่างจากสุกรใช้วิธี Nasal swab ในการทำ Active surveillance หรือ x-ray เนื่องจากสุกรมีปัญหาเกี่ยวกับโรคทางระบบหายใจหลายโรค ควรมีการบันทึกรายละเอียดปัญหาการป่วยทางระบบหายใจด้วย จะได้ไม่ต้องกลับไปทำเริ่มต้นใหม่ เพื่อให้ทราบปัญหาโรคทางระบบทางเดินหายใจว่าเป็นโรคอะไร ใช้เป็นข้อมูลระบุว่าโรคที่พบในสุกรเป็นโรคอื่นที่ไม่ใช่สาเหตุจากเชื้อไวรัสไข้หวัดสุกรเสมอไป
ตัวแทนจากสำนักควบคุม ป้องกัน และกำจัดโรคสัตว์
รายละเอียดการเก็บตัวอย่างในเชิงรุกจะได้แจ้งเพื่อทราบต่อไป รายละเอียดขององค์ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ / คำแนะเกษตรกรต่างๆ ได้เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกรมปศุสัตว์ ในเรื่องของการเฝ้าระวังในตอนนี้ได้เน้น การเก็บตัวอย่างในเชิงรุก จะได้แจ้งรายละเอียดต่อไปให้เร็วที่สุด และทางสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ จะได้ประสานการเก็บตัวอย่างไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ ต่อไป
ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ (นายวิมล จิระธนะวัฒน์)
เสนอแนะว่า เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่าง Nasal swab จากสุกร ต้องระวังตัวเพราะว่าหลังจาก swab แล้ว สุกรจะจาม ต้องป้องกันตัวเองให้ดี เพื่อป้องกันโรคจากสุกรติดต่อมาสู่คนที่เก็บตัวอย่าง
อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเสริมว่า ผู้ที่ทำหน้าที่เก็บตัวอย่างต้องระมัดระวัง เพราะว่าหลังจาก การ swab ทำให้สุกรระคายเคือง หลังจากถอนก้าน swab ออกแล้ว สุกรมักจะจามออกมา ต้องสวมหน้ากากป้องกันตัวให้ดี
ถาม - ตอบ
1. เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ที่เก็บตัวอย่างตรวจไข้หวัดนก ควรแยกจากเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ที่เก็บตัวอย่างไข้หวัดใหญ่สุกร หรือไม่
ตอบ
รศ.น.สพ.ดร.ทวีศักดิ์ฯ กล่าวว่าในทางวิชาการควรแยกคน ในทางปฏิบัติอาจทำไม่ได้เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่จำนวนจำกัด แต่ควรทำในสัตว์ที่ละชนิด (species) อาจเป็นเจ้าหน้าที่ชุดเดิม โดยใช้เจ้าหน้าที่เท่าที่มีอยู่ ไม่ต้องเพิ่มจำนวนคนเก็บตัวอย่าง หากเก็บตัวอย่างทั้งสัตว์ปีกและสุกรปะปนกัน จะทำให้เกิดปัญหาทางวิชาการในอนาคต ควรแบ่งการเก็บตัวอย่างในสัตว์แต่ละชนิดในแต่ละวัน
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่าเสริมว่า มีนโยบายใช้เจ้าหน้าที่ที่มีอยู่เดิม ต้องแยกเก็บตัวอย่างจากสัตว์แต่ละชนิด เช่น วันนี้เก็บตัวอย่างจากไก่ให้เสร็จเรียบร้อย วันต่อๆ มา เก็บตัวอย่างจากสุกร ด้วยเหตุที่เชื้อไวรัสกลุ่มไข้หวัดใหญ่ มีอยู่ทั้งหมด 16 ตัว ตามธรรมชาติเชื้อไวรัสจะมีการรวมตัวกันได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลา 1 - 10 ปี แต่ การเก็บตัวอย่างจากสัตว์หลายชนิดรวมกัน จะทำให้เชื้อไวรัสมีโอกาสรวมตัวกันได้เร็วขึ้นภายในวันเดียว
2. การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้แก่เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่าง ?
ตอบ
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่ามีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้แก่เจ้าหน้าที่ปีละครั้งอยู่แล้ว3. วิธีเก็บตัวอย่าง ทำอย่างไร
ตอบ
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่าทางสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ จะแจ้งรายละเอียดการทำ Active surveillance ให้ทราบต่อไป4. H1N1 ที่เกิดในคนที่เม็กซิโก ถ้าติดต่อถึงคนในประเทศไทย มีโอกาสจะกลายพันธุ์หรือไม่ (คำถามจาก ผอ.สสอ. 2)
ตอบ
รศ.น.สพ.ดร.ทวีศักดิ์ฯ กล่าวว่า ในทางธรรมชาติ มีโอกาสเป็นไปได้ เนื่องจากหมูเปรียบเสมือนที่ผสมอาหารที่มีโอกาสรับเชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกายแล้วเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่เกิดในประเทศเม็กซิโก เป็นการรวมตัวกันของไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์จากสุกร สัตว์ปีก และคน ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีไม่มากนัก แต่เตือนให้ทราบว่า “เราอย่าประมาท”
หมายเหตุ - มีรายงานพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศเม็กซิโกครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2552 - มีรายงานการติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากคนไปยังสุกรในประเทศแคนาดา และมีหลักฐานทางวิชาการพบว่าเชื้อไข้หวัดนี้สามารถแลกเปลี่ยนพันธุกรรมระหว่างสุกรและคนได้ รวมทั้งมีการยืนยันพบผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าว จำนวน 2 ราย (กษ 0610.02/9280 ลว. 13 พ.ค. 52) - มีรายงานพบผู้ป่วย จำนวน 2 ราย เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2552 ซึ่งเป็นการติดเชื้อมาจากประเทศเม็กซิโก ยืนยันไม่ได้ติดเชื้อในประเทศไทย ขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่มีเชื้อในร่างกาย มีความปลอดภัยอย่างเต็มที่ต่อผู้อื่น สามารถทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ตามปกติ (http://www.moph.go.th/show_hotnew.php?idHot_new=24777) |
_______________________________________________________________________________________________________________________
คณะทำงานพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ
ถอดความ / สรุปรายงานจากไฟล์วิดีโอของศูนย์สารสนเทศ กรมปศุสัตว์
upload : 07/05/2552
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมปศุสัตว์