โรควัวบ้า ( Bovine spongiform encephalopathy, BSE)
โรควัวบ้า หรือ โรคบีเอสอี ปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากส่วนของโปรตีนที่เรียกว่า Prion (PrP) ซึ่งจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับส่วนของโปรตีนที่ทำให้เกิดโรค Scrapie ในแพะแกะ โรควัวบ้าในโคมีระยะฟักตัว อย่างน้อย 4-5 ปี การแช่เย็นและแช่แข็งรักษาให้ส่วนโปรตีนก่อโรคต่อไปได้ แต่ความร้อนที่ 134-138 ๐C นาน 18 นาทีจะทำลายโปรตีนที่ทำให้เกิดโรคได้แต่จะไม่สมบูรณ์ทั้งหมด การเป็นโรคนี้เกิดจากการกินอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อและกระดูกป่น (meat and bone meal, MBM) โรควัวบ้าที่พบเกิดขึ้นที่เกาะอังกฤษมีอัตราการเกิดโรคต่ำ คือประมาณ 3% ต่อปีในฝูง การเกิดโรคในประเทศอื่นเกิดจากสัตว์หรืออาหารสัตว์พวกเนื้อและกระดูกป่นติดเชื้อที่นำเข้าจากอังกฤษ โรคนี้เป็นโรคถึงตาย (fatal disease) เมื่อพบแล้วจึงจำเป็นต้องทำลายสัตว์อย่างไม่ทารุณ (Euthanasia) ด้วยเหตุผลทางสวัสดิภาพสัตว์ โรคเกิดได้กับสัตว์เคี้ยวเอื้องในตระกูลโค คือ โคที่เลี้ยงกันโดยทั่วไป Nyala, Greater kudu, Gemsbok, Arabian oryx, Eland, Scimitar-horned oryx และ Bison สัตว์ในตระกูลแมวคือ แมวชนิดต่างๆ Cheetah, Puma, Ocelot และเสือ แต่ในการทดลองพบว่า โค สุกร แพะ แกะ หนูไมซ์ ตัวมิงค์ ลิง Marmosets และลิง Macaque สามารถติดโรคได้ และมีหลักฐานว่าลูกที่เกิดจากแม่ที่เป็นโรคมีความเสี่ยงที่อาจเป็นโรคนี้ แต่ไม่พบหลักฐานการติดโรคระหว่างตัวโค แม้จะยังไม่มีหลักฐานแต่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าเครื่องใช้ทางการแพทย์อาจทำให้ติดโรคได้ และจากการพบโรคคล้ายกันในคนที่เกิดจาก new variant Creutzfeldt-Jacob Disease (CJD) จึงทำให้สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะมีสาเหตุมาจากสัตว์เนื่องจากคนกินเนื้อสัตว์ โดยที่สมองส่วนกลางและลูกตาจะเป็นแหล่งของ Prion และในการทดลองพบลำไส้เล็กส่วนล่าง (distal ileum) ทำให้เกิดโรคได้ซึ่งคาดว่าน่าจะเกี่ยวเนื่องกับ lymphoreticular tissues
โรคนี้ไม่มีวิธีรักษา แต่การทำลายเชื้อที่พื้นผิวใช้ น้ำยาโซเดียมไฮโปคลอไรท์ที่ให้ คลอรีนได้ 2% หรือ น้ำยาโซเดียมไฮดรอกไซด์เข้มข้น 2% นานเกินกว่า 1 ชั่วโมงที่ 20 ๐C หรือถ้าเป็นเครื่องมืออุปกรณ์ให้แช่ค้างคืนซึ่งจะช่วยลดปริมาณ Prion แม้ไม่อาจจะทำลายได้ทั้งหมดก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อมีสารอินทรีย์แห้งปกคลุมอยู่ หรือเมื่ออยู่ในชิ้นเนื้อเยื่อที่ได้แช่อัลดีไฮด์เพื่อเก็บรักษา Prion ยังสามารถแพร่โรคได้แม้ผ่านหลายขั้นตอนของขบวนการกำจัดทำลายซากสัตว์ในโรงงาน (Rendering Processes) และ Prion ของโรค scapie ในหนู hamster ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันสามารถอยู่ในดินได้นานถึง 3 ปี และเมื่อผ่านความร้อนแห้งสูงถึง 360 ๐C นาน 1 ชั่วโมงแล้วก็ยังทำให้เกิดโรคได้
ส่วนการควบคุมโรคใช้มาตรการทางสุขอนามัยคือเฝ้าระวังโรคจากสัตว์ที่แสดงอาการทางระบบประสาท ทำลายสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคนี้โดยวิธีฉีดยา (Lethal injection) เพื่อให้ได้สมองที่ไม่เสียหายสามารถมาตรวจสอบเนื้อเยื่อด้วยวิธีทางพยาธิวิทยาได้ ต้องควบคุมการนำเข้าสัตว์เคี้ยวเอื้องทุกตระกูลรวมถึงผลิตภัณฑ์ทุกชนิด มีการกำหนดนโนบายและวิธีการนำเข้าตัวอ่อน (Embryos) ของสัตว์ ในประเทศที่เคยพบโรคนี้ควรใช้วิธีการทำลายสัตว์โดยมีค่าชดเชยให้แก่เจ้าของสัตว์ ควบคุมการนำโปรตีนที่ได้จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไปใช้ประโยชน์ มีระบบการทำเครื่องหมายและติดตามตัวสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติ การตรวจสอบโรควัวบ้าจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิดและปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการสัมผัสกับ Prion ที่มีความทนทานสูง จากอุปกรณ์เครื่องใช้และวิธีทางการแพทย์ หรืออุบัติเหตุที่อาจมีการกระเด็นเข้าสู่ดวงตา ช่องปากหรือจมูก ทั้งนี้เนื่องจากการพบโรค CJD ที่เกิดจาก new variant form of Creutzfeldt-Jacob Disease ทำให้มีข้อสันนิษฐานว่า BSE Prion อาจทำให้คนติดเชื้อได้
นิยามในการเฝ้าระวังโรค (Case Definition for Surveillance)
- เกณฑ์ทางคลินิก (Clinical Criteria)
สัตว์ตระกูลโค ป่วยแบบกึ่งเฉียบพลัน (Subacute) หรือแบบเรื้อรัง สัตว์จะแสดงอาการของระบบประสาทที่ไม่ประสานงานกัน คือ
- สัตว์จะกระวนกระวาย ตื่นกลัว ตกใจ กระโดด หรืออาจซึม
- สัตว์จะมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วและ/หรือแรงเกินกว่าระดับปกติมาก
- เคลื่อนตัวโดยไม่มีจุดหมาย กล้ามเนื้อหดเกร็งตัวต่อเนื่องหรือกระตุกพลิ้วไหว ตัวสั่น
- มีท่าเดินที่ไม่สัมพันธ์กัน และตัวสัตว์มีการเคลื่อนไหวมากเกินปกติ
- ระบบทำงานอัตโนมัติเช่นการเคี้ยวเอื้องลดลง หัวใจเต้นเร็ว ชีพจรเต้นผิดปกติ
- อาจพบสัตว์มีการคัน แต่จะไม่ถือเป็นอาการสำคัญเด่นชัดเช่นในโรค Scrapie
- น้ำ หนักตัวลดลง และสูญเสียสภาพของร่างกาย
โคป่าในสวนสัตว์
- มีอาการเหมือนโคทั่วไป แต่มักจะแสดงออกรวดเร็วและรุนแรงยิ่งกว่า
สัตว์ตระกูลแมว
- อาการเริ่มต้นคือพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ก้าวร้าวรุนแรง หรือขลาดอาย
- การเคลื่อนไหว (involuntary movements) ที่ไม่ประสานงาน (Ataxia) เป็นอาการเด่นชัดสุดที่จะบอกความก้าวหน้าของโรค
- เกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory criteria)
- วิการ
- ไม่พบวิการที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
- มักพบวิการที่เนื้อสมองซึ่งพรุนคล้ายฟองน้ำ (spongiform encephalopathy) เป็นลักษณะเฉพาะในเกือบทุกราย
- การทดสอบโรคในห้องปฏิบัติการ
- ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการการตรวจหาและจำแนกเชื้อสาเหตุของโรค (Identification and isolation of the agent)
- การนำสมองสัตว์ที่ตายใหม่ๆมาทำ Bioassay โดยฉีดหนู mice เป็นวิธีการเดียวที่ใช้ตรวจหา Infectivity ได้แต่ยากในทางปฏิบัติเนื่องจากระยะฟักตัวของโรคจะนานถึง 300 วันเป็นอย่างน้อย
- การทดสอบทางซีรั่มวิทยา (Serological tests) ไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากโรคนี้ไม่ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มโรคตอบสนอง เช่นเดียวกับโรคอื่นๆในกลุ่มนี้ (Transmissible spongiform encephalopathies,TSE)
- วิธีการทดสอบอื่นๆ ได้แก่
- . การตรวจทางพยาธิวิทยา (Histopathology) โดยใช้ชิ้นเนื้อสมองสัตว์ที่แสดงอาการป่วยหาลักษณะการเปลี่ยนแปลงพรุนเป็นฟองน้ำที่
สมมาตรของ grey matter แล้วตรวจด้วยวิธีทาง Immunohistochemistry หา Prion - . การตรวจชิ้นเนื้อสมองหาไฟบริลที่เฉพาะต่อโรค (Disease specific isoform of PrP) ด้วยกล้องอิเลคตรอน หรือด้วยวิธี electrophoresis, Immunoblotting โดย หาส่วนโปรตีนที่เหมือนกับ Scrapie-associated fibrils (SAF) ในน้ำสกัดจากเนื้อสมองสดหรือแช่แข็ง
- การเก็บตัวอย่าง
- ในประเทศที่พบโรคนี้แล้วควรเก็บสมองทั้งก้อนในทันทีที่สัตว์ตาย หรืออาจเก็บก้านสมองหรือส่วน Medulla ก็ได้ขึ้นกับอุบัติการณ์ของโรคในประเทศนั้นเพื่อตรวจ สอบด้วยวิธีการทาง Immunohistochemistry
- เก็บ Cervical cord หรือ Medulla ประมาณ 3 กรัมในทันทีที่ตายแล้วแช่แข็งไว้สำหรับตรวจหา SAF หรือ PrP
ข้อมูล :: กลุ่มระบาดวิทยาทางสัตวแพทย์ สำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
Reference / แหล่งที่มาข้อมูล : OIE Technical Disease Card (updated : 22.04.2002)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมปศุสัตว์