หลักการตรวจและวินิจฉัยโรคในโคนมเบื้องต้น

1. การสอบประวัติสัตว์ป่วยหรือตาย
โดยมากโคนมที่ป่วยมักเป็นโคที่กำลังให้น้ำนม ข้อมูลที่ต้องการทั่วๆ ไปจะประกอบด้วย
โคนมชื่อ................. อายุ.................... ปี/เดือน
ระยะการให้นมที่............................................ช่วงระยะที่รีดนม
หลังคลอด
60 วัน
60 - 150 วัน
มากกว่า 150 วัน
ดราย (หยุดให้น้ำนม)ผลผลิตที่ให้ (ปริมาณน้ำนมปกติ)................... กิโลกรัม/วัน ลดลงเหลือ...................... กิโลกรัม/วัน
ป่วยมานาน..................... (วัน/เดือน)
เลี้ยงทั้งหมด................... (ตัว) ป่วย ............(ตัว) ตาย ..................(ตัว)
ประวัติการฉีดวัคซีนชนิด............................................................. เมื่อ..................................
ถ่ายพยาธิด้วยยา...................................................................... เมื่อ..................................
ปริมาณอาหารที่ให้ อาหารข้น/อาหารหยาบ......................... กิโลกรัม/ตัว/วัน แร่ธาตุ มี/ไม่มี
ฤดูกาลที่พบ...................... (ร้อน/ฝน/หนาว)
ประวัติ การคลอด การผสม การแท้ง
ประวัติ การรักษาเบื้องต้นที่เจ้าของสัตว์ได้กระทำไปแล้ว
เคยพบโรคนี้มาก่อนในพื้นที่นี้หรือไม่
อาการสำคัญที่เจ้าของสัตว์ตรวจพบ เช่น น้ำนมลดกระทันหัน ปัสสาวะสี
น้ำโคล่า ถ่ายเหลวเรื้อรัง ขาหลังอ่อนไม่มีแรง หายใจหอบ เป็นต้น2. หลักการตรวจและวินิจฉัยโรค2.1 ควรดูลักษณะอาการที่โคนมแสดงออกจากภายนอกก่อน เช่น
- การเดิน ยืน นอน
- การบวม หรือผิดปกติของอวัยวะต่างๆ
- สภาพสัตว์ (Body Condition Score) ว่าสมบูรณ์ พอใช้ ผอม อย่างไร ในข้อต่อไปควรตรวจเป็นระบบๆ ไป2.2 ระบบทางเดินอาหาร
- ดูการทำงานของกระเพาะหมัก (ปกติ 3 ครั้ง/2 นาที)
- เคาะฟังเสียงแก๊สในกระเพาะที่ 4 บริเวณสวาบซ้ายหรือขวา
- ดูการกินได้ของสัตว์หรือเบื่ออาหาร มีน้ำลายไหลยืดหรือไม่
- ดูลักษณะของอุจจาระเป็นก้อน เหลว น้ำ มีมูกเลือดปนหรือไม่ กลิ่นเหม็นอย่างไร
- อาจมีการตรวจล้วงหาความผิดปกติทางทวารหนัก (Rectal examination)2.3 ระบบการหายใจ/และระบบการหมุนเวียนของโลหิต
ฟังการทำงานของปอด/หลอดลม และหัวใจ
การหายใจปกติ (RR) = 10-30 ครั้ง/นาที (แม่โค) สม่ำเสมอไม่หอบ
ไม่มีเสียงครืดคราดในหลอดลม
20-40 ครั้ง/นาที (ลูกโค)
การเต้นของหัวใจปกติ (HR) = 60-68 ครั้ง/นาที (แม่โค) ดังและแยกชัดเจน
ระหว่าง Systolic/diastolic
72-92 ครั้ง/นาที (ลูกโค)2.4 วัดอุณหภูมิร่างกายสัตว์
ลูกโค อุณหภูมิร่างกายปกติ 38.5 - 39.5 องศาเซนเซียส
แม่โค อุณหภูมิร่างกายปกติ 38.5-38.5 องศาเซนเซียส2.5 สังเกตภาวะการขาดน้ำจาก
- ความตึงของผิวหนัง (skin elasticity) โดยดูการคืนตัวของผิวหนังหลังจากดึงหน้าขึ้นว่ามีการคืนตัวช้าหรือเร็วอย่างไร
- ตา ถ้าตาจมลึกในเบ้าตามาก แสดงว่าขาดน้ำมาก2.6 ดูสิ่งขับถ่ายต่างๆ
- ลักษณะสีของน้ำปัสสาวะ เช่น สีเหลืองเข้มหรือสีคล้ายน้ำโคล่า หรือไม่มีสี2.7 ลักษณะน้ำนมที่รีดได้ ลักษณะเต้านม บวม แดงร้อน อักเสบหรือไม่ ควรคลำหาก้อนฝีในเต้านม ท่อส่งนม หรือตรวจหาความผิดปกติของน้ำนมเบื้องต้นด้วยน้ำยา ซีเอ็มที (California Mastitis Test)2.8 ดูลักษณะความผิดปกติของกีบ/พื้นกีบ อาจใช้ Hoof tester ช่วย2.9 ในกรณีโคล้มลงนอน เช่น Downer cow syndrome ตรวจดูการตอบสนองตามปลายขา โดยใช้เข็มแหลมจิ้มดู
นำข้อมูลทั้งในข้อ 1 และ 2 มาประเมินเพื่อทำการวินิจฉัย (Differential diagnosis) ว่ามีโรคอะไรบ้างอยู่ในข่ายที่น่าสงสัย (Tentative diagnosis) ถ้ายังไม่สามารถตัดสินใจได้ให้เก็บตัวอย่างต่างๆ จากโคป่วยเพื่อส่งตรวจยืนยันหาสาเหตุการป่วยยังห้องปฏิบัติการต่อไป (Confirm diagnosis)การเก็บตัวอย่างเพื่อส่งห้องปฏิบัติการ
แบ่งการเก็บตัวอย่างจากสัตว์ป่วยและสัตว์ตายดังนี้ในสัตว์ป่วย
1. เลือดในสารกันการแข็งตัว เช่น เฮพพาริน หรือ อี ดี ที เอ (Heparin หรือ E.D.T.A.) เพื่อตรวจดู
- ค่าต่างๆ ทางโลหิตวิทยา เช่น ค่าความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง ปริมาณเม็ดเลือดขาว
- พยาธิในเลือดบางตัว เช่น เชื้อทริพพาโนโซม่า (Trypanosoma spp.) ด้วยวิธี วู เทคนิค (Woo's Method) เป็นต้น
2. เลือดป้ายสไลด์อย่างน้อย 3 แผ่น/ตัว
- แผ่นแรกเพื่อจำแนกชนิดเม็ดเลือดขาว
- แผ่นที่สองตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย/ไวรัส (Bacteria/Virus)
- แผ่นที่สามตรวจหาพยาธิชนิดต่างๆ ในเลือด หรือเม็ดเลือด
3. ซีรั่ม
- ทดสอบหาไตเตอร์ของแอนติบอดีต่อโรคต่างๆ
- หาค่าต่างๆ ทางชีวเคมี
- หาระดับแร่ธาตุสำคัญต่างๆ
4. อุจจาระ
- เพาะหาเชื้อแบคทีเรียต่างๆ
- หาไข่/ซีสของปาราสิต
5. น้ำปัสสาวะ
- ดูสีและความขุ่น
- วัด pH หาค่าความเป็นกรด-ด่าง (ปกติ pH จะอยู่ระหว่าง 6.8-8)
- วัดความถ่วงจำเพาะ (ถ.พ.) (ปกติ ถ.พ. จะอยู่ระหว่าง 1.010-1.010-1.014
- หาสารคีโตน บอดี (ketone bodies)
6. ตัวอย่างอาหารที่โคกิน
- อาหารหยาบ พืชอาหารสัตว์ที่โคกิน
- อาหารข้น จากบริษัทหรือผสมเอง พร้อมข้อมูลวันผลิต สูตรที่ผสม และการเก็บรักษา
7. ในแม่โคที่แท้งลูกควรส่งลูกโคที่แท้งและรกที่ออกมาเพื่อตรวจหาสาเหตุด้วยในสัตว์ที่ตายใหม่ๆ
1. เลือดจากหัวใจ ต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม และสมองป้ายสไลด์ (อวัยวะละ 2-3 แผ่น)
2. อวัยวะสด เช่น หัวใจ ปอด ตับ ม้าม ไต ลำไส้ ต่อมน้ำเหลือง ไขมัน แยกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนหนึ่งเก็บในน้ำยาฟอร์มาลินบัฟเฟอร์เพื่อตรวจทางจุลพยาธิวิทยา (Histopathology) อีกส่วนหนึ่งแช่แข็งไว้เพื่อรอส่งตรวจเพาะหาเชื้อต่อไป
3. เก็บอวัยวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาการผิดปกติที่สัตว์แสดงออก เช่น ถ้าแม่โคแสดงอาการทางระบบประสาทควรส่งสมองตรวจด้วย
4. เก็บเศษอาหารจากกระเพาะหมักหรือไขมันสัตว์แช่แข็งเพื่อตรวจหาพิษของยาฆ่าแมลงต่างๆ หรือสารพิษบางตัว
อย่างไรก็ดีเพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของโรคได้ถูกต้องและแม่นยำ ผู้ปฏิบัติจะต้องฝึกสังเกตดูอาการลักษณะปกติที่แม่โคแสดงออก เมื่อพบแม่โคป่วยก็สามารถบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ทันที ขณะเดียวกันก็ต้องหมั่นฝึกฝนการตรวจและวินิจฉัยโรคเบื้องต้น ตามขั้นตอนที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นให้เกิดความชำนาญ ซึ่งจะช่วยให้การวินิจฉัยโรคมีความถูกต้อง สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วในการรักษาสัตว์ป่วยหรือควรจะทำลายสัตว์เมื่อเห็นว่าอาการป่วยนั้นไม่สามารถจะรักษาให้หายหรือดีดังเดิมได้และเป็นภาระแก่เจ้าของสัตว์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเชื่อถือแก่เจ้าของสัตว์ต่อไป


ที่มา
ทัศนีย์ ชมภูจันทร์, มนัสนันนท์ ประสิทธิรัตน์ และมนยา เอกทัตร์ (บรรณาธิการ). 2539. คู่มือการดูแลสุขภาพโคนม" สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ. ฟันนี่พับบลิชิ่ง.
ทัศนีย์ ชมภูจันทร์, สุรีย์ ธรรมศาสตร์, ปนันท์ ธนเจริญวัชร, จิรา คงครอง และเอกรินทร์ วัฒนพลาชัยกูร (บรรณาธิการ). 2539. คู่มือมาตรฐานการชันสูตรโรคสัตว์. สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ.โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.