โรคปากและเท้าเปื่อย (Foot and mouth disease)

xfmd 1  fmd 1

สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัส เอฟ เอ็ม ดี (FMD) ที่พบในประเทศไทยมี 3 ไทป์ คือ โอ (O) เอ (A) และเอเชียวัน (Asia I) เชื้อทั้ง 3 ไทป์นี้ จะทำให้สัตว์ป่วยแสดงอาการเหมือนกัน แต่ไม่สามารถให้ภูมิคุ้มกันต่างไทป์ได้ กล่าวคือถ้าฉีดวัคซีน เอฟ ไทป์ เอ ให้ หรือสัตว์เคยป่วยเป็นโรคเอฟ ไทป์ เอ มาก่อน สัตว์จะมีภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อโรคเอฟ ไทป์เอ เท่านั้น แต่จะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคเอฟไทป์ โอ หรือ ไทป์ เอเชียวัน ดังนั้นหากมีโรคเอฟ ไทป์ โอ หรือเอเชียวันระบาดสัตว์ก็อาจจะติดโรคได้ โรคนี้มีระยะฟักตัว ประมาณ 2-8 วัน
อาการ
โคที่เป็นโรคนี้ จะมีไข้ ซึม เบื่ออาหาร หลังจากนั้นจะมีเม็ดตุ่มพอง เกิดที่ริมฝีปากในช่องปาก เช่น เหงือกและลิ้น ทำให้น้ำลายไหล กินอาหารไม่ได้ และเกิดเม็ดตุ่มที่ระหว่างช่องกีบ ไรกีบ ทำให้เจ็บมาก เดินกะเผลก เมื่อเม็ดตุ่มแตกออกอาจมีเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ทำให้แผลหายช้าขณะที่โคเป็นโรคจะผอมน้ำนมจะลดลงอย่างมาก ในโคอัตราการติดโรคสูงถึง 100% อัตราการตาย 0.2-5% ในลูกโคอัตราการตายอาจสูงถึง 50-70% โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกโคที่ยังดูดนมอัตราการตายอาจสูงถึง 100%
fmd bovine2  fmd bovine1การตรวจวินิจฉัย
เนื่องจากวัคซีนแต่ละไทป์ไม่สามารถให้ความคุ้มข้ามไทป์กันเมื่อมีสัตว์ป่วยด้วยโรคปากและเท้าเปื่อย ควรตรวจให้รู้ว่าเป็นไทป์ไหนเพื่อจะได้ฉีดวัคซีนป้องกันไทป์นั้น
fmd 4การรักษา
ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อน แผลจะหายเองใน 1-2 สัปดาห์ ถ้าแผลมีการติดเชื้อให้ทำความสะอาดแผล สำหรับที่กีบใส่ยาปฏิชีวนะชนิดที่ใช้ป้ายแผล เช่น เพนนิซิลิน หรือฟิวราโซลิโดน สำหรับที่ปากป้ายด้วยยาสีม่วง (เจนเชียนไวโอเลท)การควบคุมและป้องกัน
ฉีดวัคซีนโรคเอฟทั้ง 3 ไทป์ โดยฉีดครั้งแรกเมื่อโคอายุ 6 เดือน และฉีดซ้ำทุกๆ 6 เดือนวัคซีนวัคซีนโรคปากและเท้าเปื่อยสำหรับโค-กระบือ-แพะ-แกะ ของกรมปศุสัตว์ที่ผลิตโดยสำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์

vaci FMD
วิธีการใช้
  1. ฉีดวัคซีนครั้งแรกตั้งแต่อายุ 4-6 เดือน
  2. ฉีดครั้งที่ 2 หลังจากฉีดครั้งแรก 3-4 สัปดาห์ และฉีดซ้ำทุก 6 เดือน
  3. ในกรณีที่เกดโรคระบาด ให้ฉีดวัคซีนซ้ำทันทีทุกตัว
ขนาดฉีด ตัวละ 2 มล. เข้าใต้ผิวหนัง
ความคุ้มโรค สัตว์จะมีความคุ้มโรคหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว 3-4 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 6 เดือน
ขนาดบรรจุ ขวดละ 40 มล. (20 โด๊ส)
การเก็บรักษา เก็บในตู้เย็นอุณหภูมิ 4 - 6 องศาเซลเซียส ห้ามเก็บในช่องแช่แข็ง

การเก็บตัวอย่างส่งห้องปฏิบัติการ

  วิธีเก็บตัวอย่างเชื้อ
  1.
2.
3.4.5.6.
บริเวณที่สามารถเก็บเชื้อได้คือ แผลที่ลิ้น, เยื่อบุภายในช่องปาก, แผลที่กีบ และไรกีบ
ในโค กระบือ ให้เก็บจากแผลที่เยื่อลิ้น และบริเวณปาก โดยใช้ผ้าและภาชนะที่สะอาด
ในสุกร หรือโค กระบือ แพะ แกะ ที่เดินเขยกแสดงว่าเชื้อแพร่กระจายไปถึงเท้าแล้วและไม่
สามารถเก็บเยื่อลิ้นได้ ควรเก็บเชื้อจากบริเวณไรกีบ ซอกกีบ หรืออุ้งกีบแทน โดยทำความสะอาดบริเวณนั้นด้วยน้ำสะอาดก่อน
ขนาดของเนื้อเยื่อควรเก็บเชื้อไม่น้อยกว่า 1 กรัม ถ้าเห็นว่าเนื้อเยื่อจากสัตว์ตัวหนึ่งๆได้น้อยก็
ควรเก็บจากตัวอื่นเพิ่มด้วย และแยกขวดเป็นตัวๆไป
เก็บเนื้อเยื่อบรรจุลงในขวดที่มีน้ำยา 50% กลีเซอรีนบัพเฟอร์ เขย่าให้น้ำท่วมเนื้อเยื่อ ปิดจุกให้
แน่น ปิดทับด้วยเทปกันน้ำยารั่วไหล ทำเครื่องหมายขวดให้ชัดเจน ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดภายนอกขวดก่อนนำส่งห้องปฏิบัติการ
การนำส่ง ขวดบรรจุเนื้อเยื่อหรือน้ำเหลืองที่ได้ฆ่าเชื้อภายนอกแล้วให้ใส่ลงในภาชนะอีก 1 ชั้น
เพื่อกันขวดแตกจากนั้นห่อทับด้วยกระดาษหลายๆชั้น หรือห่อด้วยวัสดุอื่นกันขวดแตก แล้วบรรจุกล่องหรือภาชนะที่ไม่แตกง่าย
พร้อมกับบันทึกประวัติสัตว์ผู้ป่วย รีบนำส่งทันที หรือในกรณีจำเป็นต้องเก็บไว้ก่อน ควรเก็บในตู้เย็น หรือกระติกน้ำแข็ง
วิธีนำส่งที่ดีที่สุด คือ นำส่งในสภาพแช่เย็น โดยปริมาณน้ำแข็งที่เพียงพอจนถึงห้องปฏิบัติการ
ในกรณีไม่สามารถนำส่งในสภาพแช่เย็น ก็อาจส่งทางไปรษณีย์โดยทาง EMS
  หมายเหตุ
  1.
2.3.
4.5.
6.
หากพบตุ่มใสที่ลิ้น, อุ้งเท้า, ไรกีบ ของโคและสุกร ซึ่งมักพบในสัตว์ที่เพิ่งเป็นโรคใหม่ๆ หาก
สามารถเก็บน้ำจากตุ่มใส ส่งไปได้ก็จะเป็นการดียิ่งควรเก็บก่อนที่ตุ่มใสจะแตก โดยใช้เข็มดูดและเก็บในขวดที่สะอาด
เก็บในสภาพแช่เย็นและรีบนำส่งห้องปฏิบัติการ
การเก็บเชื้อควรเก็บจากแผลหรือเนื้อเยื่อจากสัตว์ที่เริ่มแสดงอาการป่วยเป็นโรค เพราะจะมี
ปริมาณไวรัสมากเพียงพอสำหรับการตรวจ
ห้ามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดเนื้อเยื่อที่จะส่งไปตรวจ เพราะจะทำให้ผลการวินิจฉัยผิดพลาดได้
ภายหลังการเก็บเชื้อใส่ขวดเรียบร้อยแล้วควรทำความสะอาดภายนอกขวดและอุปกรณ์ต่างๆ
ตลอดจนมือผู้เก็บเนื้อเยื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้นำเชื้อไประบาดที่อื่น
ไม่แนะนำให้ส่งตัวอย่างที่เป็นซีรั่ม เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยโรคโดยการจำแนกชนิดไวรัสเพราะวิธีนี้จะมีข้อผิดพลาดได้
เนื่องจากการตรวจซีรั่มไม่สามารถบ่งบอกชนิดไวรัสได้ว่าสัตว์กำลังป่วยด้วยไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อยไทป์ โอ หรือ เอ หรือ เอเชียวันได้
ดังนั้นวิธีที่แม่นยำและถูกต้องที่สุดคือการตรวจวินิจฉัยจากตัวอย่างเนื้อเยื่อที่ลิ้นหรือกีบของสัตว์ป่วยเท่านั้น
กรณีการส่งซีรั่ม เป็นการตรวจหาระดับแอนติบอดี้ต่อไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อยที่มีในสัตว์ที่เคยป่วยหรือสัตว์ที่เคยได้รับการฉีดวัคซีน
วิธีนี้จะเป็นการตรวจวัดประสิทธิภาพของวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันในสัตว์ เพื่อประโยชน์ในด้านการศึกษาระบาดวิทยา
การเฝ้าระวังโรค สำหรับการควบคุม ป้องกันและกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อยเท่านั้น
  การเก็บตัวอย่างซีรั่มที่มีคุณภาพ ต้องปฏิบัติดังนี้
   
  • ไซริ้งและหลอดเก็บเลือดต้องสะอาดและแห้ง
  • เจาะเลือดเสร็จแล้วให้วางหลอดในแนวเอียง เพื่อให้การแยกชั้นของซีรั่มดีขึ้น
  • ควรวางในอุณหภูมิห้อง (room temperature) ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมงก่อน ไม่ควรนำเข้าตู้ เย็นทันทีเพราะจะทำให้ซีรั่มไม่แยกชั้น หรือแยกได้น้อย
  • ห้ามปั่นหลอดเลือดในขณะที่ยังไม่ได้ถ่ายซีรั่มออก เพราะจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตกหรือเกิด hemolysis
  • เมื่อแยกซีรั่มแล้ว ให้เก็บที่อุณหภูมิแช่แข็ง หรือ Freezer - 20C
  การเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อหรือวิการที่มีคุณภาพ
   
  • เก็บวิการที่เยื่อลิ้น และที่กีบ ต้องเก็บให้ถูกตำแหน่งหรือบริเวณที่มีไวรัสอยู่
  • เก็บในสภาพที่เริ่มเป็นโรคใหม่ๆ
  • ปริมาณและลักษณะเนื้อเยื่อควรเป็นแผ่นหรือชิ้นใหญ่
  ปัญหาที่พบบ่อย
   
  • การเก็บตัวอย่างล่าช้า ทำให้เก็บได้น้อย หรือเป็นขุย
  • เก็บในระยะที่แผลเริ่มหาย ทำให้ไม่สามารถเก็บได้
  • เก็บไม่ถูกตำแหน่งที่มีไวรัส

หมายเหตุ

  1. บริเวณที่สามารถเก็บเชื้อได้คือตุ่มหนองบริเวณเยื่อลิ้นแผลที่เยื่อลิ้นเยื่อบุภายในช่องปากแผลที่กีบและไรกีบ
  2. ในโค กระบือ ให้เก็บจากแผลเยื่อลิ้นและแผลบริเวณปากโดยใช้ผ้าและภาชนะที่สะอาด
  3. ในสุกร หรือโค กระบือ แพะ แกะ ที่เดินเขยกแสดงว่าเชื้อแพร่กระจายไปถึงเท้าและ ไม่สามารถเก็บเยื่อ ลิ้นได้ ควรเก็บเชื้อจากบริเวณไรกีบ ซอกกีบ หรืออุ้งกีบแทน โดยทำความสะอาดบริเวณนั้น
    ด้วยน้ำสะอาดก่อนไม่ควรใช้ยาทาแผลทาก่อนเก็บเนื้อเยื่อ
  4. ขนาดของเนื้อเยื่อเก็บเชื้อไม่ควรน้อยกว่า 1 ตารางนิ้ว หรือรวมกันให้ได้มากกว่า 1 กรัม ถ้าเห็นว่าเนื้อเยื่อจากสัตว์ตัวหนึ่งๆได้น้อย ก็ควรเก็บจากตัวอื่นเพิ่มเติมด้วยและแยกขวดเป็นตัวๆ ไป
  5. เก็บเนื้อเยื่อบรรจุลงในขวดที่มีน้ำยา50%กลีเซอรีนบัพเฟอร์เขย่าให้น้ำยาท่วมเนื้อเยื่อปิดจุกให้แน่น ปิดทับด้วยเทปกันน้ำยารั่วไหล ทำเครื่องหมายขวดให้ชัดเจน
  6. การนำส่งขวดบรรจุเนื้อเยื่อหรือน้ำเหลือง ให้เช็ดทำความสะอาดภายนอกขวดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อจากนั้นห่อทับด้วยกระดาษหลายๆ ชั้น หรือห่อด้วยวัสดุอื่นกันขวดแตกแล้วบรรจุกล่องหรือภาชนะที่ไม่แตกง่ายพร้อมกับบันทึกประวัติสัตว์ป่วย รีบนำส่งทันที
    หรือในกรณีจำเป็นต้องเก็บไว้ก่อนควรเก็บในตู้เย็นหรือกระติกน้ำแข็งวิธีนำส่งที่ดีที่สุดคือนำส่งในสภาพ
    แช่เย็นในกระติกน้ำแข็งโดยมีประมาณน้ำแข็งพอจนถึง ศูนย์โรคปากและเท้าเปื่อย อำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมา
    หรือ ศูนย์วิจัยและชันสูตรโรค สัตว์ประจำภาค ในกรณีที่ไม่สามารถนำส่งโรงพยาบาลในสภาพแช่เย็นก็อาจส่งทางไปรษณีย์โดยเร็ว
  7. หากพบตุ่มใสที่ลิ้นอุ้งเท้าไรกีบของโคและสุกรซึ่งมักพบในสัตว์ที่เพิ่งเป็นโรค
    ใหม่ๆหากสามารถเก็บน้ำจากตุ่มใสส่งไปได้ก็จะเป็นการดียิ่งควรเก็บก่อนที่ตุ่มใสจะแตกโดยใช้ไซริ่งค์ ดูดและเก็บในขวดที่นึ่งฆ่าเชื้อแล้วแช่ในกระติกน้ำแข็งแล้วรีบนำส่งศูนย์วิจัยและชันสูตรโรคสัตว์ประจำภาค
    หรือศูนย์โรคปากและเท้าเปื่อยโดยเร็วที่สุด
  8. การเก็บตัวอย่างควรเก็บจากแผลหรือเนื้อเยื่อจากสัตว์ที่เริ่มเป็นโรคเพราะจะมีปริมาณไวรัสในปริมาณมากเพียงพอ สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค
  9. ห้ามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดเนื้อเยื่อที่จะส่งไปตรวจเพราะจะทำให้ผลการวินิจฉัยผิดพลาดได้
  10. ภายหลังเก็บเชื้อใส่ขวดเรียบร้อยแล้วควรทำความสะอาดภายนอกขวดและอุปกรณ์ต่างๆตลอดจนมือของผู้เก็บเนื้อเยื่อ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันไม่ให้นำเชื้อแพร่กระจายไปสู่ที่อื่น
  11. กลีเซอรีนบัพเฟอร์สำหรับเก็บตัวอย่างเบิกได้ที่ศูนย์โรคปากและเท้าเปื่อยอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130
  12. น้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสปากและเท้าเปื่อยที่ใช้ได้ผล คือ 4% โซเดียมคาร์บอเนตหรือปูนขาวหรือ 0.1 M NaOH (โซดาไฟ หรือน้ำยาไอโอโดฟอร์ (1:200) หรือน้ำยากลูตารัลดีไฮน์0.25% วัสดุหรืออุปกรณ์ที่ปนเปื้อนเชื้อควรแช่น้ำยาอย่างน้อย 15 นาที