โรคไข้หวัดนก (Bird flu, Avain flu)

กลุ่มไวรัสวิทยา สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ

          ข่าว "เด็กชายชาวฮ่องกงวัย 3 ขวบ เสียชีวิตด้วยไข้หวัดใหญ่อย่างกระทันหันจากการติดเชื้อไวรัสไก่" ในเดือนสิงหาคม 2540 ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนต่อวงการแพทย์อย่างมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบเชื้อไวรัส H5N1 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่พบเฉพาะในสัตว์ปีกเท่านั้น ไม่เคยพบในคนมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกันนี้เพิ่มขึ้นอีก 13 ราย และที่สงสัยอีก 6 ราย รวมมียอดผู้เสียชีวิต 4 ราย ถึงวันที่ 3 มกราคมนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการค้าไก่ในฮ่องกง ประชาชนเลิกบริโภคไก่เพราะกลัวติดโรค มีการปิดตลาดขายไก่ทำความสะอาดราว 2,200 แห่ง และทำลายไก่ทั่วเกาะฮ่องกงจำนวน 1.2 ล้านตัว เพื่อป้องกัน โรคไข้หวัดใหญ่ หรือที่เรียกว่า "ไข้นก (bird flu)" ซึ่งแพร่ระบาดมาจากสัตว์ปีก
เนื่องจากประเทศไทยมีการเลี้ยงไก่ และส่งออกเนื้อไก่เป็นจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำความรู้จักโรคนี้และป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศ โดยต้องช่วยกันควบคุมโรคอย่างเข้มงวด มีการเฝ้าระวังโรคอย่างดี ตลอดจนมีการเตรียมพร้อมให้เจ้าหน้าที่เกษตรกร และผู้ที่เกี่ยวข้อง มีความรู้และตระหนักถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งทางตรงจากการสูญเสียไก่ที่ตายเพราะการติดเชื้อ และที่สำคัญที่สุดคือการสูญเสียรายได้ของประเทศ เนื่องจากผลกระทบทางการค้าระหว่างประเทศในการส่งออกเนื้อและผลิตภัณฑ์ไก่ไปยังประเทศต่างๆ โดยมีสาเหตุจากการเกิดโรคระบาดร้ายแรงและไม่สามารถควบคุมได้ทันท่วงที
Influenza (ไข้หวัดใหญ่) หมายถึง โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Influenza ในตระกูล Orthomyxoviridae ซึ่งเป็น RNA ไวรัสชนิดมีเปลือกหุ้ม (envelope) โดยมี surface antigens ที่สำคัญ ได้แก่ hemagglutinin (H) มี15 ชนิด และ neuraminidase (N) มี 9 ชนิด เชื้อไวรัส Influenza แบ่งเป็น 3 types ได้แก่


Type A แบ่งย่อยเป็นหลาย subtypes ตามความแตกต่างของ H และ N antigens พบในคนและสัตว์ชนิดต่างๆ
- คน พบ 3 ชนิดได้แก่ H1N1, H2N2, H3N2 (และ H5N1??)
- สุกร พบ 3 ชนิดได้แก่ H1N1, H1N2 และ H3N2
- ม้า พบ 2 ชนิดได้แก่ H3N8 และ H7N7
- สัตว์ปีก พบทุกชนิดได้แก่ H1-15 และ N1-9
type B ไม่มี subtype พบเฉพาะในคน
type C ไม่มี subtype พบในคนและสุกร
ลักษณะและความทนทานของเชื้อ
เชื้อไวรัสนี้มีเปลือกหุ้มจึงถูกทำลายได้ง่ายด้วยความร้อน (เช่น ที่อุณหภูมิ 56oC นาน 3 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 60oC นาน 30 นาที) และสารเคมีต่างๆ เช่น สารที่มีคุณสมบัติในการละลายไขมัน (lipid solvents), formalin, betapropiolactone, oxidizing agents, sodium dodecylsulfate, hydroxylamine, ammonium ions และ iodine compounds เชื้อนี้สามารถคงอยู่ได้นานในสิ่งขับถ่าย เช่น น้ำมูก น้ำตา น้ำลาย เสมหะ อุจจาระ ฯ
เชื้อนี้สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงทาง antigenicity ได้ง่าย โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่ gene เพียงเล็กน้อย (antigenic drift) หรือมีการเปลี่ยน gene ในกรณีที่เซลล์มีการติดเชื้อ 2 subtypes ที่แตกต่างกัน กลายเป็น subtype ใหม่ (antigenic shift)ิ
1. Apathogenic and mildly pathogenic avian influenza เป็นชนิดที่ไม่แสดงอาการ และที่ทำให้มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย พบได้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกอาจมีสาเหตุจากเชื้อชนิด H1-15
2. Highly pathogenic avian influenza (HPAI) หรือเดิมเรียกว่า Fowl plague เป็นชนิดที่ทำให้เกิดอาการรุนแรงมากมีอัตราการตายสูง มีรายงานการระบาดในบางประเทศเท่านั้น เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ประเทศยุโรป ออสเตรเลีย ฮ่องกง และปากีสถาน ในประเทศไทยไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้ แม้ว่าจะเป็นโรคในพระราชบัญญัติโรคสัตว์ พ.ศ.2499ข้อกำหนดที่แสดงว่าเชื้อที่แยกได้เป็นชนิด HPAI
OIE
1. เชื้อ avian influenza virus (AIV) ที่ทำให้ไก่ทดลองอายุ 4-6 สัปดาห์ที่ได้รับเชื้อโดยการฉีดเข้าเส้นเลือดตายภายใน 10 วัน จำนวนมากกว่า หรือเท่ากับ 75% (6/8 ตัว)
2. เชื้อชนิด H5, H7 หรือชนิดอื่นที่ไม่เป็นไปตามข้อที่ 1 แต่มีการเรียงตัวของกรดอะมิโนตรงตำแหน่ง hemagglutinin cleavage ใกล้เคียงกับเชื้อชนิด highly pathogenic avian influenza virus
3. เชื้อ AIV ชนิดที่ไม่ใช่ H5 หรือ H7 แต่ทำให้ไก่ทดลองจำนวน 8 ตัวตาย 1-5 ตัว และสามารถเจริญเติบโตและทำให้เซลล์เพาะเลี้ยงเกิดการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่มี trypsinEU
1. มีค่า Intravenous pathogenicity index (IVPI) ในไก่ทดลองอายุ 6 สัปดาห์ มากกว่า 1.2
2. เชื้อชนิด H5 หรือ H7 ที่มี basic amino acids หลายตัวตรงตำแหน่ง hemagglutinin cleavageการแพร่กระจายของเชื้อ AIV
เนื่องจากความแตกต่างของ basic amino acids (Iysine, arginine) ตรงตำแหน่ง hemagglutinin cleavage ระหว่าง เชื้อชนิดไม่รุนแรงและชนิดรุนแรงมาก ความสามารถในการเจริญเติบโตของเชื้อในร่างกายสัตว์จึงแตกต่างกัน เชื้อชนิดไม่รุนแรงสามารถเจริญได้ในเซลล์ของทางเดินหายใจ และทางเดินอาหารเท่านั้น แต่เชื้อชนิดรุนแรงมากสามารถเจริญในเซลล์อวัยวะอื่นๆ ได้ จึงทำให้เกิดอาการป่วยอย่างรุนแรง
การแพร่ของเชื้อ AIV จากสัตว์ที่ติดเชื้อทางสิ่งขับถ่ายต่างๆ โดยเฉพาะทางอุจจาระของนกเป็ดน้ำ ซึ่งมักเป็นตัวอมเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ทำให้มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำได้เป็นเวลานาน
จากการระบาดของ HPAI ครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ.1983-1984 Cappucci และคณะรายงานการพบเชื้อนี้ได้ทั้งที่เปลือกไข่และภายในไข่จากแม่ไก่ที่ติดเชื้อ
การติดต่อในสัตว์เกิดขึ้นได้ทั้งทางตรงโดยการสัมผัสกับสัตว์ป่วยและสิ่งขับถ่ายจากสัตว์ป่วย และทางอ้อมจากเชื้อที่ปนเปื้อนในน้ำ อาหาร เสื้อผ้า รองเท้า พาหนะ และอื่นๆอาการและวิการ
ระยะฟักตัวของโรคอาจสั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงจนถึง 3 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ วิธีการที่ได้รับเชื้อ จำนวนเชื้อ และชนิดของสัตว์
อาการ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดสัตว์ อายุ สภาวะความเครียด โรคแทรกซ้อน และอื่นๆ เชื้อที่ทำให้เกิดอาการรุนแรงในสัตว์ปีกชนิดหนึ่งอาจไม่ทำให้เกิดอาการใดๆ ในสัตว์ปีกอีกชนิดหนึ่ง อาการที่พบโดยทั่วไป ได้แก่
- ซูบผอม ซึมมาก ไม่กินอาหาร ขนยุ่ง ไข่ลด
- ไอ จาม หายใจลำบาก น้ำตาไหลมาก หน้าบวม หงอนมีสีคล้ำ
- อาจมีอาการของระบบประสาท และท้องเสีย
- รายที่รุนแรงจะตายกระทันหันโดยไม่แสดงอาการ (อัตราตายอาจสูงถึง 100%)
วิการ ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ ชนิดสัตว์ และอื่นๆ เช่นเดียวกัน ในรายที่รุนแรงและตายทันทีอาจไม่พบวิการใดๆ ลักษณะของวิการที่มีรายงานในไก่และไก่งวง ได้แก่
- ซากผอมแห้ง
- มีการบวมน้ำใต้ผิวหนังที่ส่วนหัวและคอ
- ตาอักเสบบวมแดง และอาจมีจุดเลือดออก
- หลอดลมอักเสบรุนแรงมีเมือกมาก
- มีจุดเลือดออกที่กระเพาะแท้ โดยเฉพาะตรงรอยต่อกับกึ๋น
- มีการลอกหลุดและจุดเลือดออกที่ผนังของกึ๋น
- ไตบวมแดงและอาจพบยูเรตที่ท่อไตโรคที่คล้ายคลึงกัน
- อหิวาต์ไก่ชนิดรุนแรง
- นิวคาสเซิล
- กล่องเสียและหลอดลมอักเสบติดต่อ
- การติดเชื้อมัยโคพลาสม่า และแบคทีเรียชนิดอื่นๆการวินิจฉัยและชันสูตรโรค
จำเป็นต้องทำการแยกพิสูจน์เชื้อไวรัสและการทดสอบความรุนแรงของเชื้อทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจแยกเชื้อทางไวรัสวิทยา ตัวอย่างที่ใช้ในการตรวจ
- Tracheal และ cloacal swabs (หรือ feces) จากสัตว์ป่วย
- อวัยวะภายในต่างๆ เช่น ปอด ตับ ม้าม หัวใจ สมอง ลำไส้ ฯวิธีการตรวจ
- แยกเชื้อไวรัสโดยฉีดเข้าไข่ไก่ฟัก (อย่างน้อย 2 passages)
- ตรวจคุณสมบัติของเชื้อที่แยกได้โดยใช้เม็ดเลือดแดงไก่ (hemagglutination, HA) และไม่ถูกยับยั้งด้วยแอนติซีรั่มต่อเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล (hemagglutination inhibition, HI)
- ตรวจการตกตะกอนในเนื้อวุ้น (agar gel immunodiffusion, AGID) กับแอนติซีรั่มอ้างอิงต่อเชื้อ avian influenza A
- ทดสอบความรุนแรงของเชื้อที่แยกได้ โดยฉีดเชื้อเข้าเส้นเลือดไก่ทดลอง
- ส่งเชื้อที่แยกได้ไปยังห้องปฏิบัติการอ้างอิงเพื่อแยก subtype
การตรวจทางซีรั่มวิทยา
- ตรวจการติดเชื้อ AIV type A โดยวิธี AGID และอีไลซ่า
- ตรวจการติดเชื้อว่าเป็น subtype (H) ชนิดใด โดยวิธี HI กับแอนติเจนที่เตรียมจาก subtype ชนิดต่างๆ ที่สำคัญได้แก่ H5 และ H7การควบคุมและป้องกัน
- มีการสุขาภิบาลและการจัดการฟาร์มที่เข้มงวด
- ในกรณีที่เกิดโรคระบาดให้ทำลายสัตว์ทั้งหมด
- ทำความสะอาดโรงเรือนและใช้ยาฆ่าเชื้อโรคให้ทั่วถึง
- พักเล้าอย่างน้อย 21 วันการระบาดของโรค Avian influenza จากรายงานของ OIE ปี พ.ศ.2539-2540 (ค.ศ.1996-1997)
ปี 2539-2540 มีรายงานการระบาดในประเทศลาว พม่า เนปาลและปากีสถาน แต่ไม่มีรายงานยืนยันโดยการแยกและพิสูจน์เชื้อ ดังนี้
ฮ่องกง เกิดการระบาดในเดือนมีนาคม - เมษายน ในฟาร์มไก่ 3 แห่ง จำนวน 4,500 ตัว พบว่าเกิดจากเชื้อ HPAI ชนิด H5N1
อิตาลี เกิดการะบาดของโรคในไก่ เป็ด และนกต่างๆ จำนวน 6 ครั้ง รวมสัตว์ป่วย ตาย และถูกทำลายเพื่อควบคุมโรคกว่า 3,50 ตัว พบว่าเกิดจากเชื้อ HPAI ชนิด H5N2
ออสเตรเลีย เกิดการระบาดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม ในฟาร์มไก่ 2 แห่ง จำนวน 158,000 ตัว และในฟาร์มไก่/นกอีมู 1 แห่ง ซึ่งมีไก่ 33,000 ตัว และนกอีมู 261 ตัว พบว่าเกิดจากเชื้อ HPAI ชนิด H7N4การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในฮ่องกง
- เมษายน 2540 เกิดการระบาดของโรค Highly pathogenic avian influenza (HPAI) ในฟาร์มไก่ 3 แห่ง มีไก่ตาย ประมาณ 4,500 ตัว ตรวจพบเชื้อไวรัส HPAI ชนิด H5N1
- พฤษภาคม 2540 เมื่อวันที่ 9 พ.ค. เด็กชายอายุ 3 ปี เริ่มป่วย เป็นไข้ เจ็บคอ และไอ ต่อมาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้วเสียชีวิต ในวันที่ 21 พ.ค. เนื่องจากระบบหายใจล้มเหลว (ตามประวัติเด็กคนนี้สัมผัสกับไก่ป่วยมาก่อนที่จะแสดงอาการป่วย)
- สิงหาคม 2540 ตรวจพบเชื้อไวรัส H5N1 จากตัวอย่างที่เก็บจากเด็กคนนี้ขณะป่วย ซึ่งเป็นชนิดที่พบเฉพาะในสัตว์ปีกเท่านั้นไม่เคยพบในคนมาก่อน
- พฤศจิกายน 2540 มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 3 ราย ด้วยอาการมีไข้ เจ็บคอ และไอ ตรวจพบเชื้อไวรัส H5N1 เช่นเดียวกัน ทั้ง 3 รายนี้ไม่มีประวัติการสัมผัสกับไก่มาก่อน ไม่ได้คลุกคลีกับผู้ป่วยรายแรกและผู้ป่วยคนอื่นๆ ผู้ป่วยรายที่สองเป็นเด็กชายอายุ 2 ปี เป็นโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด เริ่มป่วยวันที่ 6 พ.ย. และหายป่วยวันที่ 9 พ.ย. รายที่สามเป็นชายอายุ 54 ปี เริ่มป่วยวันที่ 24 พ.ย. และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. และรายที่สี่เป็นเด็กหญิงอายุ 13 ปี เริ่มป่วยวันที่ 20 พ.ย. และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.
- ธันวาคม 2540 มีผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อ H5N1 เพิ่มขึ้นอีก 9 ราย ตามประวัติ บางรายเป็นญาติกัน และมีผู้สงสัยว่าป่วยซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันอีก 6 ราย เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. มีผู้ป่วยหญิงอายุ 60 ปี เสียชีวิตเป็นรายที่สี่
ทางการฮ่องกงได้ประกาศงดการนำเข้าไก่จากจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นแหล่งต้นตอของการระบาด และได้ตัดสินใจทำลายไก่ทั่วเกาะฮ่องกงจำนวน 1.2 ล้านตัว เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อนี้เจ้าหน้าที่ของฮ่องกง ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐ (CDC) ได้ร่วมมือกันศึกษาเกี่ยวกับการะบาดของเชื้อ AIV จากไก่สู่คนในครั้งนี้โดย
- การตรวจซีรั่มต่อเชื้อ H5N1 ด้วยวิธี microneutralization assay ของกลุ่มคนที่มีโอกาสสัมผัสกับเชื้อ (จากเด็กที่ตายรายแรก) จำนวน 502 คน โดยมีกลุ่มเปรียบเทียบจำนวน 419 คน พบว่าในกลุ่มเปรียบเทียบไม่มีแอนติบอดีเลย แต่ในกลุ่มคนที่มีโอกาสสัมผัสกับเชื้อตรวจพบแอนติบอดี้จำนวน 9 ราย คิดเป็น 1.8% โดยมีรายละเอียดดังนี้

กลุ่มคนที่มีโอกาสสัมผัสกับเชื้อ

จำนวนตัวอย่างที่ตรวจพบ/ทั้งหมด

%

1. กลุ่มคนที่คลุกคลีกับเด็กที่ป่วยตายรายแรก    
ครอบครัวเดียวกัน

0 / 4

-

ผู้ดูแลเด็กป่วย

1a / 54

1.9

เด็กนักเรียน ครู และผู้ปกครอง

1b / 261

0.4

2. กลุ่มคนที่อาศัยบริเวณเดียวกับเด็กที่ป่วยตายรายแรก

1c / 63

1.6

3. เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการ

1 / 73

1.4

4. เกษตรกร

-

-

ผู้เลี้ยงไก่

5 / 29

7.2

ผู้เลี้ยงสุกร

0 / 18

-

a ไม่มีประวัติคลุกคลีกับไก่
b เด็กนักเรียนมีประวัติคลุกคลีกับไก่
c ประวัติไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการคลุกคลีกับไก่

ผลการศึกษาครั้งนี้บ่งชี้ว่าการติดเชื้อ H5N1 อาจเกิดจากการสัมผัสกับไก่ที่ติดเชื้อ การสัมผัสกับเชื้อโดยตรง และการคลุกคลีกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
- การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัส H5N1 ที่แยกได้จากเด็กที่ตายรายแรกนี้ไม่พบความแตกต่างกับเชื้อที่แยกได้จากไก่ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเชื้อนี้แพร่จากไก่ป่วยสู่คน ส่วนการติดต่อระหว่างคนมีโอกาสเป็นไปได้น้อย เนื่องจากตรวจไม่พบแอนติบอดีจากคนในครอบครัวเดียวกับผู้ป่วย และตรวจพบแอนติบอดี้เพียง 2 ราย จากกลุ่มคนที่สัมผัสกับเด็กป่วย ฉะนั้น WHO จึงไม่ประกาศว่าฮ่องกงเป็นเขตระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่
การศึกษาของผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้ยังคงดำเนินต่อไปเพื่อหาข้อสรุปของปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อนี้จากไก่สู่มนุษย์ และโอกาสของการแพร่เชื้อนี้ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีการเฝ้าระวังโรค ตลอดจนมีการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นต่อไปการดำเนินงานของกรมปศุสัตว์ในการป้องกันการระบาดของ HPAI
เนื่องจากยังไม่มีการระบาด HPAI ในประเทศไทยมาก่อน ดังนั้นหากมีการระบาดเกิดขึ้น จะทำให้มีการแพร่ระบาดออกไปได้อย่างรวดเร็ว และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันดังต่อไปนี้
1. การป้องกันโรคที่อาจติดมากับการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ ซึ่งในขณะนี้ฝ่ายด่านกักกันสัตว์ กองควบคุมโรคระบาด กรมปศุสัตว์ ได้ประสานไปยังสายการบินทุกสาย และบริษัทเดินเรือทุกแห่งในการงดนำเข้าสัตว์ปีก รวมทั้งสุนัขและแมว จากสาธารณรัฐประชาชนจีน และฮ่องกง เข้ามายังประเทศไทยอย่างเข้มงวด
2. การกำจัดโรคหากมีการระบาดเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยใช้มาตรการการเฝ้าระวังทางคลินิก (Clinical Surveillance) โดยเน้นให้เจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ในทุกพื้นที่ออกตรวจเยี่ยมและดูแลสุขภาพสัตว์ปีกในพื้นที่ที่รับผิดชอบเป็นพิเศษ หากพบสัตว์ปีกที่สงสัยว่าป่วยด้วยโรค HPAI จะต้องประกาศเขตโรคระบาดทันที และกักกันสัตว์ปีกทั้งหมดในบริเวณดังกล่าว หากพบว่าสัตวปีกนั้นป่วยด้วย HPAI จริง จะต้องทำลายสัตว์ปีกในบริเวณที่เกิดโรคนั้นทั้งหมด


ที่มา : จดหมายข่าวสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ISSN 0858-4516 ปีที่ 7 ฉบับที่1 (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2541)

ai patho1 ai patho2 ai patho2 ai patho4 ai patho5 ai patho6 ai patho7 ai patho8

ปลอดภัยจากรับประทานเนื้อและไข่จากสัตว์ปีก
คณะวิจัยจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นำโดย รศ.นายสัตวแพทย์ ดร.ทวีศักดิ์ ส่งเสริม นายสัตวแพทย์นำดี แซ่เฮง นายสัตวแพทย์รุ่งโรจน์ แจ่มอ้น และนายสัตวแพทย์นพดล มีมาก จากกรมปศุสัตว์ โดยการสนับสนุนทุนวิจัยจาก กองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ศึกษาความคงทนของเชื้อโรคไข้หวัดนกที่ระบาดในปัจจุบัน คือ H5N1 โดยวิธีมาตรฐานสากลของ OIE พบว่า1) เชื้อไวรัส ไข้หวัดนกที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือสิ่งคัดหลั่ง หรือในอุจจาระ มีชีวิตอยู่กลางแดดระหว่าง 33 - 35 oC ได้ไม่เกิน 30 นาที แต่ถ้าอยู่ในร่ม ที่ 25 - 35 oC เชื้ออาจอยู่ได้ตั้งแต่ 1 - 10 วัน (ขึ้นอยู่กับปริมาณไวรัส ความชื้น ถ้าความชื้นสูงและอุณหภูมิต่ำ เชื้ออาจอยู่ได้นานขึ้น)2) ได้ทดลองฉีดเชื้อโรค H5N1 ขนาดสูงที่ทำให้ไก่เป็ดตายใน 24 ชั่วโมง เข้าไปในเนื้อไก่และเนื้อเป็ดที่หั่นขนาดพอคำรับประทาน แล้วนำเนื้อไก่เป็ดนั้น มาปรุงอาหารโดยวิธีทั่วๆ ไป เช่น ต้ม ทอด ผัดกะเพรา ผัดกระเทียมพริกไทย ปรากฏว่าเชื้อไข้หวัดนกไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้3) เมื่อฉีดเชื้อขนาดสูงดังกล่าวเข้าไปในไข่ แล้วนำไข่มาลวกที่ 100 oC เป็นเวลา 2 นาที หรือทอดเป็นไข่ดาวที่ไข่แดงเป็นยางมะตูม หรือทำเป็นไข่เจียว ก็ไม่พบเชื้อเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นได้ทดลองนำเชื้อปริมาณสูงที่ทำให้เป็ดไก่ตายใน 24 ชั่วโมงมาผสมอุจจาระ แล้วนำมาทาหรือระบายที่เปลือกไข่ ทั้งไว้ให้แห้ง ปรากฏว่าภายใน 1 วัน ไม่พบเชื้อไข้หวัดนกมีชีวิตรอดอยู่ได้ จึงขจัดความกังวลที่ว่าเชื้อไข้หวัดนกจะติดมากับเปลือกไข่หรือไม่4) นอกจากนี้คณะวิจัยได้พบว่า ชนิดของกลุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ได้ดีที่สุด ได้แก่กลุ่ม กลูตาร์อัลดีไฮด์ ที่ความเข้มข้น 10% ขึ้นไป หรือกลุ่มแอมโมเนียมคลอไรด์ กรดแก่ ด่างแก่ หากต้องการทำความสะอาดกรงขนาดเล็ก หรือภาชนะขนาดเล็ก ใช้น้ำเดือดราด ก็จะทำให้เชื้อไข้หวัดนกตายภายใน 1 นาที
สัตวแพทยสมาคมฯ จึงเชิญชวนการสร้างความเข้าใจกับประชาชน ไม่ควรวิตกกังวลในการบริโภคเนื้อไข่จากเป็ด ไก่ เมื่อปรุงให้สุกด้วยวิธีทั่วๆ ไป เนื้อเป็ดไก่ที่มีขายในท้องตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตที่มาจากโรงเชือดที่กรมปศุสัตว์ และกระทรวงสาธารณสุขรับรอง มีความปลอดภัย เนื่องจากมีการตรวจหาเชื้อโรคไข้หวัดนกตั้งแต่ไก่อยู่ในฟาร์ม จนถึงโรงเชือด ถ้าพบเชื้อไข้หวัดนกจะไม่มีการนำมาจำหน่ายโดยเด็ดขาด (ที่มา :: สัตวแพทสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 15 ธันวาคม 2547)