โรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า ( African Horse Sickness, AHS)
สัตวแพทย์หญิงรื่นฤดี บุณยะโหตระ
กลุ่มไวรัสวิทยา / ประธานกลุ่มเชี่ยวชาญเฉพาะสัตว์ใหญ่
โรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า เป็นโรคติดเชื้อในสัตว์ตระกูลม้า ได้แก่ ม้า ลา ล่อ ม้าลาย หรือบางครั้งอาจพบในช้าง ลาป่าเอเชีย (onager) อฐ รวมทั้งสุนัขที่กินเนื้อม้าหรือเลือดสัตว์ที่ป่วย โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส (Viscerotropic virus, family Reoviridae, genus Orbivirus) ซึ่งสามารถมีชีวิตที่ 37 ๐C ได้นานถึง 37 วัน โดยทั่วไปจะมีระยะฟักตัวนาน 7 - 14 วัน หรือแค่เพียง 2 วัน ตัวริ้นหรือตัวปึ่ง ซึ่งเป็นแมลงขนาดเล็กจัดอยู่ในกลุ่ม Culicoides เป็นพาหะนำโรค ทำให้เกิดโรคใน มีอัตราตายในม้า 70 - 95 % ล่อ 50% ลา 10% พวกแมลงใน culicoides spp. เป็น biological vector บางครั้งยุง Culex, Anopheles, Aedes spp. และเห็บ Hyalomma, Rhipicephalus spp. เป็นพาหะนำเชื้อ พวกอวัยวะภายในต่างๆ เลือด น้ำเชื้อ ปัสสาวะ และสิ่งผลิตหรือสารที่คัดหลั่งจากตัวสัตว์ป่วยจะเป็นแหล่งของเชื้อไวรัส ปัจจุบันยังไม่เคยมีรายงานโรคนี้ในประเทศไทย มีรายงานพบโรคในอาฟริกา ตะวันออกกลาง สเปน และโปรตุเกสโรคนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลแน่นอน แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซิน polyvalent, หรือชนิด monovalent เมื่อทราบ serotype แล้ว หรือวัคซินเชื้อตายซึ่งมีเฉพาะของไวรัส serotype 4 ซึ่งสัตว์ที่ฉีดวัคซินต้องสามารถระบุตัวได้ชัดเจน (identification) เมื่อพบโรคควรแยกชนิดของเชื้อไวรัส (group & type) ในการควบคุมโรคต้องทำลายและกำจัดซากสัตว์ป่วย รวมทั้งควบคุมแมลง (โดยใช้ยากำจัดแมลง ยาไล่แมลง หรือมุ้งป้องกันแมลง) ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคฟอร์มาลิน 0.1% เป็นเวลา 48 ชั่วโมง อาจใช้ฟีนอล หรือไอโอโดฟอร์ ก็ได้นิยามในการเฝ้าระวังโรค (Case Definition for Surveillance)
1. เกณฑ์ ทางคลินิก (Clinical Criteria)
- ชนิดแสดงอาการไม่รุนแรง (Subclinical form) มีไข้ 40 - 40.5 ๐C และอ่อนเพลีย 1 - 2 วัน
- ชนิดกึ่งเฉียบพลัน (Subacute or Cardiac form) มีไข้ 39 - 41 ๐C พบการบวมที่ขมับเหนือตา (Supraorbital fossa) หนังตา บริเวณหน้า คอ ไหล่ ช่องอก และหน้าอกด้านล่าง การตายมักเกิดขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
- ชนิดเฉียบพลัน (Acute respiratory form) มีไข้ 40 - 41 ๐C หายใจลำบาก เกร็งไอ ช่องจมูกบานขยายและมีน้ำมูกไหลออกมาเป็นฟอง เยื่อตาจะแดงอักเสบ ม้าตายภายใน 1 สัปดาห์เนื่องจากการขาดออกซิเจน
- ชนิดผสม (Mixed cardiac and respiratory form) พบได้บ่อยกว่า โดยมีอาการที่ทางเดินหายใจแบบอ่อนๆ มีการบวมน้ำหรือมีของเหลวซึมออกมา ม้าจะตายใน 1 สัปดาห์ เนื่องจากหัวใจล้มเหลว
- ในสัตว์ป่วยส่วนใหญ่ พบเป็นโรคแบบแสดงอาการไม่รุนแรง(Subclinical cardiac form) ซึ่งม้าจะหายใจลำบาก ร่วมกับอาการของทางเดินหายใจอื่นๆ
- ชนิดที่มีอาการทางประสาท (Nervous form) อาจพบได้ แต่น้อย
2. เกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory criteria)
2.1 วิการ (Lesions)
- Interlobular respiratory form มีการบวมน้ำที่ปอด และที่ต่อมน้ำเหลืองในช่องอก (thoraxic lymph nodes) เยื่อหุ้มหัวใจมีน้ำและมีเลือดออกเป็นจุด (hydropericardium & petechial haemorrhages) เยื่อหุ้มปอดมีน้ำ (pleural effusion)
- Cardiac form พบการบวมน้ำแบบวุ้นที่ใต้ผิวหนังและภายในกล้ามเนื้อ (subcutaneous & intramuscular gelatinous oedema)
2.2 การตรวจวินิจฉัยโรค
ตรวจหาเชื้อไวรัส AHS หรือ virus nucleic acid โดยวิธี RT-PCR และ ตรวจหา specific antibody สำหรับการตรวจหาเชื้อไวรัส ใช้วิธีแยกเชื้อไวรัสโดยใช้เซลล์เพาะเลี้ยง หรือฉีดเชื้อเข้าสมองลูกหนูแรกเกิด อายุ 1 - 3 วัน การแยกเชื้อโดยใช้เซลล์เพาะเลี้ยง ใช้เซลล์ชนิด BHK-21, Vero cell ต้องทำ blind passage 3 passage จึงจะสรุปได้ว่าไม่พบเชื้อไวรัส ส่วนการฉีดเชื้อเข้าสมองลูกหนู ในกรณีที่มีเชื้อไวรัสลูกหนูจะมีอาการทางระบบประสาทหลังฉีด 3 - 15 วัน หากฉีดลูกหนู 2 passage แล้วไม่มีอาการผิดปกติใดๆ จึงสามารถสรุปได้ว่าไม่พบเชื้อไวรัส
การตรวจทางซีรัมวิทยามีหลายวิธี ได้แก่ ELISA, Complement fixation (CF) test, Virus Neutralization (VN) test และ Immunoblotting ในกรณีที่ใช้ CF test ควรคำนึง anti-complementary effect ซึ่งมีผลให้การทดสอบคลาดเคลื่อนได้ ในกรณีที่ตรวจพบ Antibody ควรตรวจซ้ำด้วยวิธีเดียวกัน โดยเก็บตัวอย่างซีรัมหลังครั้งแรกประมาณ 3 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบว่ามี Antibody titer เพิ่มขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้การตรวจซ้ำต้องทดสอบซีรัมพร้อมกันเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดทางเทคนิค ตัวอย่างที่ใช้ในการตรวจทางเชื้อไวรัสคือ unclotted whole blood เช่น เลือดผสม heparin ในกรณีสัตว์มีชีวิต ส่วนในกรณีสัตว์ตายใช้ม้าม ปอดและต่อมน้ำเหลือง ควรแช่เย็นที่อุณหภูมิ 4 ๐C จนถึงห้องปฏิบัติการ
ข้อมูล : กลุ่มระบาดวิทยาทางสัตวแพทย์ สำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, OIE Technical Disease Card (updated : 22.04.2002)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมปศุสัตว์