โรคเวสต์ไนล์ไวรัส (West Nile Virus, WNV)

โรคเวสต์ไนล์ไวรัส (West Nile Virus, WNV) เป็นโรคติดเชื้อที่เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากเป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ระหว่างสัตว์และคน เป็นโรคสัตว์แปลกถิ่น (Exotic disease) สำหรับประเทศไทยที่จะต้องทำการเฝ้าระวังโรคในระยะต่อไป โรคเวสต์ไนล์ไวรัสถูกค้นพบเป็นครั้งแรกที่ประเทศยูกันดา เมื่อ พ.ศ.2480 ต่อมาได้มีการแยกชนิดของเชื้อไวรัสได้ที่ประเทศอียิปต์ เมื่อ พ.ศ.2493 โดยไวรัสดังกล่าวเป็นที่รู้จักว่าเป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบอย่างรุนแรงในมนุษย์ ต่อมาได้มีการแพร่กระจายของโรคไปยังทวีปต่าง ๆ คือ อัฟริกา เอเชีย ยุโรป อเมริกาใต้ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย โดยมีรายงานการพบโรคนี้ในหลายประเทศ เช่น อียิปต์ อาฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง ผรั่งเศส อิตาลี กรีซ โรมาเนีย รัสเซีย ตุรกี อาร์เจนติน่า คิวบา เปอร์โตริโก เอลซาลวาดอร์ โดมินิกัน และหมู่เกาะเคย์แมน เป็นต้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ โรคได้ระบาดไปในประเทศรัสเซีย อิสราเอล และโรมาเนีย และเคยมีรายงานการสงสัยโรคนี้ในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.2523 นอกจากนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกายังมีรายงานการพบเชื้อไวรัสในสัตว์ป่าที่อยู่ในเมือง เช่น ค้างคาว ซิพมังค์ สกังค์ กระรอก แรคคูน กระต่ายบ้าน และในมนุษย์ ทั้งนี้ อเมริกาได้ตรวจพบโรคนี้เมื่อ พ.ศ.2542 ที่เมืองนิวยอร์คเป็นครั้งแรก และจนถึงปัจจุบันได้มีการตรวจพบโรคนี้ในมนุษย์ สัตว์ และยุงใน 47 มลรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา

ไวรัสเวสต์ไนล์ เป็นสาเหตุที่ทำให้นกแสดงอาการป่วยคล้ายกับโรคไข้หวัดนก หรือในนกบางชนิด ส่วนใหญ่จะเป็นนกอพยพไม่แสดงอาการป่วย แต่เป็นพาหะสำคัญในการกระจายโรค ซึ่งโรคนี้จะทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (mammals) ส่วนใหญ่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการหรืออาจป่วยบ้าง เช่น ม้า สุนัข แมว โดยที่ม้าสามารถแสดงอาการป่วยที่รุนแรงจนถึงตายได้

นอกจากโรคเวสต์ไนล์ไวรัสก่อโรคในคน ทำให้ผู้ป่วยที่สูงอายุแสดงอาการทางระบบประสาทและเสียชีวิตแล้ว ยังมีสัตว์หลายชนิดที่ติดเชื้อแล้วไวรัสสามารถเพิ่มจำนวนได้ (Viraemia) โดยไม่แสดงอาการเจ็บป่วยแต่เป็นพาหะในการแพร่เชื้อ เช่น นกอพยพ หรือยุง ซึ่งมีหลายชนิดเป็นพาหะได้ ทำให้การแพร่โรคเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ยุงชนิด Culex spp


ที่มา : West Nile Virus: What You Need To Know / CDC Fact Sheet