กลุ่มอาการโคล้มแล้วลุกยาก (Downer cow syndrome)
กลุ่มอาการโคล้มแล้วลุกยาก เป็นกลุ่มอาการของโคที่แสดงอาการลุกยาก (Downer cow syndrome) สามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ตามสาเหตุที่เกิดคือ1. กลุ่มที่เกิดจากโรคติดเชื้อต่างๆ
1.1 เต้านมอักเสบอย่างรุนแรง (Septic mastitis) เช่น กรณีติดเชื้อ E. coli
1.2 ข้ออักเสบ (Septic arthritis)
1.3 ติดเชื้อจากบาดแผลต่างๆ เช่น การตอน (ส่วนใหญ่จะพบการติดเชื้อ Streptococcus spp.)
1.4 โรคไข้ 3 วัน (Ephemeral fever) จากการติดเชื้อไวรัส2. กลุ่มที่เกิดจากโรคทางเมตาโบลิก (Metabolic diseases)
2.1 โรคขาดแคลเซี่ยม (Hypocalcemia) หรือ Milk fever หรือ Post-par turient paressis (มักเกิดในระยะไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังคลอด)
2.2 โรคขาดฟอส (Hypophosphatemia) มักเกิดในระยะก่อนคลอด
2.3 โรคขาดวิตามินอี-ซิลิเนี่ยม (E-Se) ทำให้กล้ามเนื้อขาหลังอ่อนไม่มีแรง
2.4 โรคโคอ้วน (Fatty liver หรือ Fat cow syndrome) มักเกิดในโคนมที่อ้วนมากในระยะพักรีดนม หลังคลอดแล้วจะแสดงอาการดังกล่าวได้3. กลุ่มที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บกระทบกระแทกต่างๆ
3.1 การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ (Muscle injuried)
3.2 การบาดเจ็บของเส้นประสาท (Nerve injuried) ตัวอย่างเช่น การคลอดยาก (Dystocia) ทำให้เส้นประสาท Obturatorious ในอุ้งเชิงกรานถูกกดทับเป็นระยะเวลานานเกิดการชา
3.3 การฉีกขาดของเอ็นยึดหัวกระดูก (Round ligament)4. สาเหตุอื่นๆ เช่น
4.1 แม่โคขาดอาหารในระยะใกล้คลอด
4.2 ความเครียดจากการเปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศ เช่น มีพายุ ลดพัดแรง อากาศหนาว
4.3 โคกินสิ่งแปลกปลอมต่างๆ (Hard ware disease หรือ Traumatic reticuloperitonitis) เช่น ลวด ตะปู
4.4 การติดพยาธิต่างๆ โดยเฉพาะพยาธิใบไม้ตับหรือพยาธิตัวกลมในกระเพาะ ลำไส้ในระยะท้ายๆ ของการป่วย
4.5 กีบอักเสบ หรือแผลบริเวณกีบและไรกีบ (Laminitis or painful foot lesions) เช่น พื้นกีบเน่า (foot rot)
อาการ
โคแสดงอาการลุกยาก ขาหลังอ่อน อาจมีไข้สูงหรือไม่มีไข้ก็ได้แล้วแต่สาเหตุ ในระยะต้น reflex ที่ปลายขาจะตอบสนองต่อการทิ่มแทงด้วยเข็ม ขาหน้าจะตะกุยส่วนมากยังคงกินหญ้าที่ได้ดีถ่ายอุจจาระปกติ ท่ายืนของสัตว์สามารถบอกถึงความผิดปกติของเส้นประสาทที่บังคับกล้ามเนื้อขาหลังได้
การรักษา
แยกตามสาเหตุที่เกิดโดยทั่วไปที่ควรปฏิบัติคือ
1. พยายามพลิกตัวสัตว์ไปมา ซ้ายขวาเป็นระยะๆ ไม่ให้น้ำหนักกดทับขาข้างใดข้างหนึ่งนานเกินควร เพราะจะทำให้เกิดอาการชาหรือการอักเสบของกล้ามเนื้อ
2. ฉีดยากลุ่มพวก NSAIDS เช่น บิวต้าโซลิโดน หรือ สตีรอยด์ (Steroid) เช่น เดกซามีทาโซน (Dexamethasone) เพื่อลดไข้และการอักเสบของกล้ามเนื้อ
3. ให้น้ำเกลือ D-5-S หรือ D-10-S เป็นระยะๆ หรือ แคลเซี่ยมโบโรกลูโคเนต (Calcium borogluconate) ในรายสงสัยว่าเกิดจากโรคไข้น้ำนม (Milk fever)
4. ให้ยากลุ่ม E-Se หรือ ADE ในกรณีสงสัยว่าเกิดจากการขาดแร่ธาตุและวิตามินเหล่านี้
5. ในกรณีที่โคตั้งท้องที่แสดงอาการขาอ่อนก่อนคลอดให้ยาพวกฟอสฟอรัส เช่น โทโนฟอสฟานหรือฟอสโฟโทนิก
6. ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ โดยเฉพาะโรคปอดบวม
7. ควรใช้เข็มขัดขนาดใหญ่รั้งระหว่างขาหลัง 2 ข้าง เพื่อช่วยพยุงแม่โคไม่ให้ล้ม หรือใช้รอกพยุงสัตว์ (ดังรูป ค) เป็นระยะๆ
8. กรณีเกิดเต้านมอักเสบอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน (Septic mastitis) ควรฉีดยาปฏิชีวนะเข้าเส้นในกลุ่มยาพวกซัลโฟนามีด (Sulfonamide) และให้สารละลายน้ำเกลือเข้าเส้นมากๆ บางครั้งอาจต้องฉีดยากลุ่มเดกซามีทาโซน (Dexamethasone) และยาขับน้ำ (Dirine) เพื่อลดอาการบวมบริเวณเต้านม
นอกจากนี้ควรตรวจหาสาเหตุและแก้ไขตามสาเหตุ โดยปกติถ้าสัตว์ล้มแล้วไม่ลุกภายใน 14 วัน ควรพิจารณาคัดสัตว์ออกจากฝูง และถ้าแม่โคยังรีดนมอยู่ควรจะรีดนมทิ้งเป็นประจำ เพราะถ้าไม่รีดอาจเกิดปัญหาเต้านมอักเสบตามมาได้
การป้องกัน
1. การเลี้ยงโคสาวท้องควรให้อาหารและแร่ธาตุให้พอเพียง จะช่วยลดอุบัติการของกลุ่มอาการเหล่านี้ได้
2. ทำการถ่ายพยาธิแก่โคเป็นประจำ
3. ไม่ควรขัดพื้นคอกลื่นเกินไปเพราะแม่โคอาจจะลื่นล้มได้
4. รักษากีบแม่โค โดยการตัดแต่งกีบเป็นระยะ เมื่อพบความผิดปกติต้องรีบแก้ไขทันที
5. ควรป้อนแม่เหล็กให้แม่โคเพื่อดักจับสิ่งแปลกปลอมที่เป็นโลหะที่แม่โคกินเข้าไป
6. แม่โคที่มีลูกหลายตัว (> 3 ตัว) ในระยะประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก่อนถึงกำหนดคลอดควรลดระดับแคลเซี่ยมในอาหารลง เพื่อกระตุ้นให้ฮอร์โมนที่ดึงแคลเซี่ยมจากกระดูกเตรียมพร้อมและสามารถนำมาใช้ได้ทันทีในระยะหลังคลอด เพื่อป้องกันโรคไข้น้ำนม
7. กรณีพบบาดแผลหรือแผลจากการผ่าตัด ควรทำความสะอาดล้างแผลและใส่ยา เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่จะลุกลามเข้ากระแสโลหิตได้
8. ในฤดูฝนควรมีมุ้งป้องกันยุงและแมลงดูดเลือดต่างๆ เพราะแมลงเหล่านี้จะเป็นพาหะนำโรคติดเชื้อไวรัสบางตัว เช่น โรคไข้ 3 วัน เป็นต้น
9. ไม่ควรให้อาหารแม่โคในระยะพักรีดนมมากเกินไป เพราะจะทำให้แม่โคอ้วนมากในระยะก่อนคลอด และอาจเกิดโรค Fat cow syndrome ในระยะหลังคลอดได้
ที่มา
ทัศนีย์ ชมภูจันทร์, มนัสนันนท์ ประสิทธิรัตน์ และมนยา เอกทัตร์ (บรรณาธิการ). 2539. คู่มือการดูแลสุขภาพโคนม" สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ. ฟันนี่พับบลิชิ่ง.
ทัศนีย์ ชมภูจันทร์, สุรีย์ ธรรมศาสตร์, ปนันท์ ธนเจริญวัชร, จิรา คงครอง และเอกรินทร์ วัฒนพลาชัยกูร (บรรณาธิการ). 2539. คู่มือมาตรฐานการชันสูตรโรคสัตว์. สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ.โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมปศุสัตว์