โรครินเดอร์เปสต์ (Rinderpest)

           โรครินเดอร์เปสต์เกิดจากเชื้อไวรัส (family Paramyxoviridae , genus Morbilivirus ) มีระยะฟักตัว 3-15 วันสามารถมีชีวิตในเนื้อเยื่อที่เย็นหรือแช่แข็งได้นาน ทำเกิดโรคในโค กระบือ และสัตว์ป่าหลายชนิด ( เช่น กระบืออัฟริกัน , eland, kudu, wilde-beest , antelopes หลายชนิด , bushpigs , warthog และ ยีราฟ เป็นต้น ) รวมทั้งแพะแกะ ในอูฐแทบไม่พบโรคนี้ สุกรเอเชียอาจติดโรคง่ายกว่าสุกรอัฟริกาและสุกรยุโรป มีอัตราการเกิดโรคสูงและหากเป็นสเตรนที่รุนแรงอัตราการตายสูงแต่จะไม่แน่นอนสำหรับ สเตรนที่ไม่รุนแรง การสัมผัสสัตว์ป่วยโดยตรง หรือมีการสัมผัสโดยอ้อมอย่างใกล้ชิดทำให้ติดโรคโดยไม่ขึ้นกับอายุหรือเพศ เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุท่อทางเดินหายใจ (ส่วนบนหรือล่าง) ไวรัสจะถูกปล่อยออกมาในน้ำตา น้ำมูก น้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระของสัตว์ป่วยก่อนมีไข้ 1-2 วัน พบเชื้อในเลือดและเนื้อเยื่อก่อนที่สัตว์จะแสดงอาการ และไม่พบสภาวะการเป็นพาหะสำหรับโรคนี้ซึ่งไม่มีวิธีการรักษา แต่มีการป้องกันด้วยวัคซินเชื้อเป็น (attenuated strain) ผลิตจาก cell culture ที่มีประสิทธิภาพสูงให้ความคุ้มโรคถึง 5 ปีหรือตลอดชีวิต แต่ควรทำการฉีดวัคซินทุกปีเพื่อเพิ่มปริมาณสัตว์ที่มีภูมิคุ้มต่อโรคนี้ ในบางประเทศใช้วัคซินรวมของโรค rinderpest และ contagious bovine pleuropneumonia vaccine น้ำยาฆ่าเชื้อได้แก่ phenol , cresol หรือใช้ sodium hydroxide 2 % / 24 ชั่วโมง ในปริมาณ 1 ลิตรต่อตารางเมตร การควบคุมป้องกันโรคคือแยกสัตว์ป่วยหรือฆ่าสัตว์ทั้งหมดที่อยู่ในฝูง ทำลายซากสัตว์ ทำการฆ่าเชื้อโรค และรักษาเขตปลอดโรคให้ดี องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (Office International des Epizooties, OIE) ได้กำหนดมาตรฐานการเฝ้าระวังโรคทางระบาดวิทยา ( Recommended Standards for Epidemiological Surveillance for Rinderpest )นิยามในการเฝ้าระวังโรค (Case Definition for Surveillance)
1. เกณฑ์ทางคลินิก (Clinical Criteria)

       1.1 ชนิดคลาสสิก (Classic form) ประกอบด้วย 4 ระยะ
             - ระยะฟักตัว
             - ระยะมีไข้ (มากกว่า 40-42 C ) สัตว์ซึม ไม่กินอาหาร ลดการเคี้ยวเอื้อง อัตราการเต้นหัวใจและการหายใจเพิ่ม
             - ระยะเยื่อชุ่มบุในปาก จมูก ลูกตา และท่ออวัยวะสืบพันธุ์ คั่งเลือด มีน้ำลายมาก และขี้ตาเป็นหนอง เยื่อบุช่องปากเป็นเนื้อตายและหลุดลอก เป็นนาน 2-3 วัน |
             - ปรากฏอาการที่กระเพาะอาหารลำไส้เมื่อไข้ลด สัตว์จะถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด ปวดเบ่งอย่างรุนแรง สัตว์มีอาการขาดน้ำ ปวดช่วงท้อง หายใจด้วยท้อง อ่อนเพลีย ล้มนอนและตายภายใน 8-12 วัน สัตว์บางตัวอาจมีอาการดีขึ้นในวันที่ 10 และอาจหายป่วยใน 20-25 วันแต่พบในน้อยราย
       1.2    ชนิดเฉียบพลันและรุนแรง (Peracute form)
                สัตว์ไม่แสดงอาการป่วยแต่มีไข้สูงเกิน 40-42 ๐ C เยื่อชุ่มอาจคั่งเลือดและตาย มักพบในลูกสัตว์หรือที่เกิดใหม่
       1.3    ชนิดกึ่งเฉียบพลัน (Subacute form)
                สัตว์แสดงการป่วยแบบคลาสสิกเป็นอาการมีอัตราการตายต่ำ
       1.4    ชนิดไม่เป็นรูปแบบปกติ (Atypical form)
                มีไข้ต่ำผิดปกติ ไม่พบอาการท้องเสีย ความผิดปกติของระบบน้ำเหลือง (เนื้อเยื่อมีปริมาณลดลง) จะทำให้สัตว์อมโรค (latent infection) หรือ ติดเชื้ออื่นได้ง่ายขึ้น
       1.5   อาการในแพะ แกะ และสุกร
               มีไข้ไม่สม่ำเสมอ ไม่กินอาหาร ท้องเสียไม่คงที่ (Inconsistent diarrhoea ) สุกรจะมีไข้ ล้มนอน เยื่อตาอักเสบ เยื่อบุช่องปากหลุดลอก และตาย2.  เกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory criteria)
       2.1  โรคนี้มีการตรวจสอบได้หลายวิธี คือ
             - การตรวจหา Antigen ด้วยวิธี Agar gel immunodiffusion , Direct & Indirect immunoperoxidase , Counte immunoelectrophoresis และ Immunohistopathology
             - การแยกเชื้อไวรัสและจำแนก ด้วยวิธี Virus isolation , Virus neutralisation และ Immunoperoxidase staining
             - การตรวจหา Virus DNA ด้วยวิธี Rinderpest -specific cDNA probes, Amplification by polymerase chain reaction
             - Serological diagnosis ด้วยวิธี , ELISA, Virus neutralization
       2.2  วิธีการเก็บตัวอย่าง
              - เก็บเลือดใส่ heparin 10 iu /ml หรือ EDTA 0.5mg/ml แช่เย็นด้วยน้ำแข็งแล้วส่งไปยังห้องปฏิบัติการ
              - ม้าม หรือ ต่อมน้ำเหลือง (prescapular หรือ mesenteric)
              - น้ำตา น้ำมูก จากสัตว์ป่วยตั้งแต่ก่อนแสดงอาการจนถึงช่วงมีการหลุดลอกของเนื้อเยื่อ


ข้อมูล :: กลุ่มระบาดวิทยาทางสัตวแพทย์ สำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
Reference / แหล่งที่มาข้อมูล : OIE Technical Disease Card (updated : 22.04.2002)