โรคท้องเสียในสุกรที่เกิดจากเชื้อไวรัส
โดย สัตวแพทย์หญิง ดร.สุจิรา ปาจริยานนท์ กลุ่มไวรัสวิทยา สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ
ปัญหาท้องเสียเป็นปัญหาที่พบบ่อยในลูกสุกร สาเหตุอาจเกิดจาก pathogenic agent เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียเชื้อไวรัส หรือปาราสิต หรืออาจเกิดจาก non pathogenic agent เช่น post weaning scours เป็นต้น โรคท้องเสียที่เกิดเชื้อไวรัสที่สำคัญ ได้แก่ โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบในสุกร หรือ TGE โรคท้องเสียร่วงติดต่อในสุกร หรือ PED และโรคทาไวรัส
[ 1 ] โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Transmissible gastroenteritis, TGE)
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสใน genus Coronavirus family Coronavirdae
ระบาดวิทยา
การระบาดส่วนใหญ่มี 2 ลักษณะ
1. การระบาดแบบรุนแรง (epizootic)
- เกิดโรคในสุกรทุกอายุ
- ส่วนใหญ่เกิดโรคในฤดูหนามฃว
- จะพบในฟาร์มที่ไม่เคยเกิดโรคมาก่อน
2. การระบาดแบบประจำถิ่น (enzootic)
- ส่วนใหญ่จะเกิดในสุกรอายุ 1-8 สัปดาห์
- พบการเกิดโรคได้ทั้งปีโดยเฉพาะในหน้าหนาว
- เป็นลักษณะที่มีไวรัสวนเวียนอยู่ในฝูง
การเกิดโรค
โดยการกินหรือหายใจเอาเชื้อเข้าไป เชื้อจะทำลายผนังเยื่อบุลำไส้เล็ก ทำให้วิลไลของผนังลำไส้เล็กหดสั้น การดูดซึมอาหารของลำไส้บกพร่อง มีผลทำให้สุกรอาเจียนและท้องเสียอย่างรุนแรง
อาการของโรค
1. แบบรุนแรง พบในสุกรทุกอายุ
- ลูกสุกร อาเจียนและท้องเสีย อัตราการเกิดโรคและอัตราการตายสูงในลูกสุกรอายุต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ลักษณะอุจจาระจะเป็นก้อนนมที่ไม่ย่อย
อัตราการตายจะลดลงในสุกรที่มีอายุมากขึ้น
- สุกรขุนและสุกรโตเต็มที่ เบื่ออาหาร อาเจียน และท้องเสีย แม่สุกรอาจจะมีไข้ สุกรป่วยจะกลับเป็นปกติภายใน 7-10 วัน
2. แบบประจำถิ่น อัตราการป่วยและอัตราการตายไม่แน่นนอน แต่จะน้ยกว่าแบบรุนแรง ส่วนใหญ่โรคอื่นร่วมด้วย สุกรป่วยมักจะแคระเเกร็น อาการป่วยมักจะไม่พบในสุกรโตเต็มที่
การวินิจฉัยโรค
1. สังเกตจากอาการและประวัติ
2. การตรวจซาก พบลักษณะนมที่ไม่ย่อยในกระเพาะและลำไส้ ผนังลำไส้จะมีลักษณะบางและใส
3. จุลพยาธิ วิลไลในลำไส้เล็กส่วนกลางจะหดสั้น
4. การตรวจแอนติเจน ใช้วิธี immunofluorescence, ELISA และ immunoelectron microscopy
5. การเเยกเชื้อไวรัส มีประโยชน์ในรายเกิดแบบเฉียบพลัน โดยที่ infected enterocyte ยังไม่สูญเสียหายการหาเชื้อจะไม่ได้ผล ในรายที่มีอาการท้องเสียมากกว่า 2 วัน
6. การทดสอบทางซีรั่ม
- ใช้วิธี ELISA หรือ serum neutralization ในการทดสอบ
- ทำให้ทราบสภาวะของโรค
- ในฟาร์มอาจจะมีโรค porcine resiratory coronavirus (PRCV) อยู่ซึ่งให้ผล false positive
- ถ้า pH ของอุจจาระน้อยกว่า pH 7 ให้สงสัยว่าอาจจะเป็นโรคท้องเสียที่เกิดจากเชื้อไวรัส (TGE or Rota)
การรักษา
1. ให้สารอาหาร น้ำและเกลือแร่
2. ให้ยาปฏิชีวนะในรายมีโรคแทรกซ้อน
3. ให้อยู่ในคอกที่แห้งและอบอุ่น
การควบคุมและป้องกันโรค
1. อย่านำสัตว์ป่วยเข้สฝูง เนื่องจากส่วนใหญ่สุกรจะปล่อยเชื้อไวรัสอยู่ 2 สัปดาห์หลังจากเชื้อ ดังนั้น การแยกสุกรก่อนนำเข้าฟาร์มจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นำสุกรจากฟาร์มที่ได้ตรวจเช็คซีรั่มวิทยาว่าปลอดจากโรคนี้แต่ควราระวังใน กรณ๊มี false positive จาก PRCV ป้องกันการสัมผัสกับสัตว์จำพนวกและสุนัข
จัดการด้านสุขาภิบาล ความสะอาดของอุปกรณ์เครื่องใช้ รองเท้า เสื้อผ้าและยานพาหนะเข้าออกในฟาร์ม
2. การสร้างภูมิคุ้มกัน การให้ lgA จะมีผลดีกว่า lgG ดังนั้นการให้โดยดารกินจะมีผลดีกว่าการให้โดยการฉีด การให้เชื้อไวรัสแก่แม่สุกรอย่างน้อย 3 สัปดาห์ก่อนคลอด โดยการให้แม่สุกรกินลำไส้ของลูกสุกรป่วยหรือใส่ใน gelatin capsule ซึ่งสมารถแช่เข็งที่ 20 องศาเซลเซียส วัคซีนเป็นชนิดฉีดและกิน ให้ผลดีต่อการกระตุ้นให้ภูมิคุ้มที่มีอยู่สูงมากกว่าที่จะเป็นการเริ่มต้นสร้างภูมิคุ้มกัน ให้วัคซีนชนิดกินสำหรับลูกสุกร
3. การกำจัด มีรายงานแนะนำการกำจัดโรค TGE โดยไม่ต้องอาศัยการคัดทิ้ง อาศัยหลักที่ว่าสุกรที่ได้รับเชื้อจะปล่อยเชื้อไม่นานเกิน 2 สัปดาห์
หลักการสำคัญมีดังนี้ ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายสุกร การทดแทนสุกรให้ทำก่อนการกำจัดโรค อย่างน้อย 6 เดือน ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันเท่ากัน โดยให้สุกรทุกตัวกินลำไส้สุกรป่วย จัดการเรื่องสุขาภิบาล ประเมินผล หลังจากนั้น 3 เดือน นำสุกรที่ไม่มีภูมคุ้มกันเข้าฝูง ถ้าสุกรที่นำเข้ามาไม่มีภูมิคุ้มกันหลังจากนั้น 1-2 เดือน แสดงว่าการกำจัดโรคให้ผลดี
[ 2] โรคท้องร่วงติดต่อในสุกร (Porcine epiddemic diarrhea, PED)
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสใน genus Coronavirus family Coronaviridae
ระบาดวิทยา
สุกรติดโรคโดยการกิน พบการระบาดในหลายประเทศทั่วโลก สุกรทุกอายุสามารถป่วยได้ อัตรส่วนการเกิดโรคอาจสูงถึง 100 % ซึ่งจะมัลักษณะคล้ายโรค TGE แต่จะแตกต่างกันที่การแพร่กระจายโรคช้า และการตายในลูกสุกรดูดนมจะต่ำ ในฟาร์มที่เคยมีการระบาดของโรคหรือแม่สุกรมีภูมิคุ้มกัน การป่วยจะพบน้อยในแม่สุกรและลูกสุกรดูดนม ในปัจจุบันจะพบโรคนี้ในสุกรช่วงหย่านมและสุกรขุนเชื้อจะเข้าไปยังลำไส้เล็ก มีผลทำให้วิลไลหดสั้น การเกิดโรคคล้ายคลึงกับโรค TGE แต่การเจริญของเชื้อและระยะเวลาฟักตัวในลำไส้ของสุกรช้ากว่าโรค TGE
อาการของโรค
- สุกรป่วยจะซึมและท้องร่วงลักษณะเป็นน้ำ
- อาการของโรคจไม่รุนแรงในฟาณ์มที่เคยมีการระบาดของโรคหรือฟาณ์มที่แม่สุกรมีภูมิคุ้มต้านทานโรค
- อาการของโรคจะพบป่วยรนแรงมากกว่าโรค TGE โดยจะมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
การวินิจฉัยโรค
1. สังเกตจากอาการและประวัติ
2. การตรวจซาก ลำไส้ขยายใหญ่ พบของเหลวสีเหลืองภายใน
3. จุลพยาธิวิทยา วิลไลของลำไส้เล็กหดสั้น ไม่พบการเปลี่ยนแปลงในลำไส้ใหญ่
4. การตรวจแอนติเจน ใช้วิธี immunofluorescence, ELSA และ immunoelectron microscopy
5. การแยกเชื้อไวรัส โดยใช้อุจจาระและลำไส้เล็กของสุกรป่วยเพาะเลี้ยงในเซลล์เพาะเลี้ยง (Vero cell) สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เพาะเลี้ยง (cytopathogenic)
6. การทดสอบทางซีรั่ม ใช้วิธี ELISA หรือ serum neutralization ในการทดสอบ
การรักษาและควบคุมโรค
การักษาทำได้เช่นเดียวกับโรค TGE เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดเชื้อไวรัส จึงเป็นการรักษาตามอาการโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับการควบคุม และป้องกัน แต่สามารถทำได้โดยมีหลักการเช่นเดียวกับโรค TGE
[ 3 ] โรคโรทาไวรัส ( Rotavirus)
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสใน genus Rotavirus fmaily Reoviridae
ระบาดวิทยา
ไวรัสนี้ทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบในเด็กและลูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมหลายชนิด โดยมีระยะฟักตัวที่สั้น อัตราการป่วยสูง แต่อัตราการตายค่อนข้างต่ำ สุกรทุกอายุป่วยได้แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกับสุกรระยะดูดนมและหลังหย่านมทันที
การเกิดโรค
สุกรจะติดโรคโดยการกินเชื้อไวรัสเข้าไป และอาจติดได้โดยการหายใจเอาเชื้อเข้าไป เชื้อจะเข้าไปยังลำไส้เล็กและทำลายเซลล์เยื่อบุวิลไลของลำไส้เล็กทำให้การดูดซึมและย่อยอาหารผิดปกติ
อาการ
- ลูกสุกรจะแสดงอาการซึม อาเจียน และท้องเสีย
- อาการของลูกสุกรจะรุนแรงมากถ้าแม่ไม่มีภูมิคุ้มกันถ่ายทอดทางน้ำนม
การวินิจฉัย
1. ใช้ข้อมูลทางด้านระบาดวิทยา และลักษณะอาการทางคลินิค
2. การตรวจซาก สภาพซากและรอยโรคคล้ายคลึงกับสุกรที่ตายด้วยโรคทางระบบทางเดินอาหารทีเกิดจากเชื้อไวรัสอื่นๆ พบการอักเสบของลำไส้ส่วนกลางและส่วนปลาย ผนังลำไส้มีลักษณะบางโปร่งใส มีสารน้ำเหลืองอยู้ภายใน
3. จุลพยาธิวิทยา วิลไลของลำไส้เล็กจะหดสั้น
4. การตรวจแอนติเจน ใช้วิธี immunofluorescence, ELISA หรือ immunoelectron micoscopy
5. การแยกเชื้อไวรัส โดยใช้เซลล์เพาะเลี้ยงหรือสัตว์ทดลอง
การรักษาและควบคุมโรค
เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ดังนั้นวิธีการรักษาและหลักการควบคุมโรค จะคล้ายคลึงกับโรค TGE
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมปศุสัตว์