Salmonellosis
โดย สัตวแพทย์หญิงสนทนา มิมะพันธ์ กลุ่มพยาธิวิทยา
เชื้อซัลโมเนลล่าเป็นเชื้อแบคทีเรียที่คุกคาม และก่อให้เกิดความเสียหายกับการเลี้ยงสุกรทั้งโลก ในประเทศไทยพบโรคนี้ในฟาร์มเลี้ยงสุกรโดยทั่วไป ซึ่งผู้เลี้ยงส่วนใหญ่จะผ่านประสบการณ์ของโรคนี้มาแล้ว อุบัติการณ์ของโรคนี้เกิดขึ้นอยู่กับการจัดกรและสุขาภิบาลที่ดีของฟาร์ม โดยเฉพาะการเลี้ยงที่แออัดจะทำให้โรคระบาดได้ง่าย และรวดเร็ว เชื้อซัลโมเนลล่าที่พบบ่อยในสุกร คือ
Salmonella choleraesuis, S. typhisuis และ S. typhimurium ส่วนเชื้อ Salmonella ชนิดอื่น ๆ จะพบเมื่อมีการปนเปื้อนในอาหารสัตว์ และบางชนิดสามารถก่อให้เกิดโรคในคนได้ โดยทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ (food poisoning) เนื่องจากการรับประทานอาหารที่ทำจากเนื้อ และอวัยวะสุกรที่ตายด้วยโรค Salmonellosis โรคในสุกรนี้พบว่า 2 ลักษณะ คือ แบบโลหิตเป็นพิษ และแบบลำไส้อักเสบ โรคนี้พบในสุกรหย่านม หรือสุกรขุนช่วงอายุ 10-16 สัปดาห์ ซึ่งอาจพบ Salmonellosis เดี่ยว ๆ หรือเป็นโรคแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ เช่น โรคอหิวาต์สุกร โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบติดต่อ โรคท้องร่วงจากเชื้อ E.coli
การเกิดโรค
หลังจากกินเชื้อซัลโมเนลล่าเข้าไปแล้ว เชื้อจะไปเพิ่มจำนวนภายในลำไส้ ทำให้ลำไส้อักเสบ enteritis โดยเชื้อจะรุกเข้าไปในอยู่เฉพาะที่ ที่เนื้อเยื่อ imyphoid และในเซลล์ macrophage เซลล์ ที่พบรอบ ๆ การอักเสบส่วนใหญ่จะพบเป็นชนิด histiocytic cell มากกว่า neutrophill ระยะท้ายของโรคนี้ ทั้งแบบลำไส้อักเสบและแบบโลหิตเป็นพิษ จะทำให้การดูดซึมและอาหารเสียไป มีการสูญเสียน้ำเนื่องจากเยื่อบุลำไส้เกิดการเสียหาย การตายของเนื้อเยื่อทำให้การดูดซึมโซเดียมลดลงและขับคลอไรด์เพิ่มขึ้นโดยวิการแรกพบที่พบคือ เส้นเลือดเล็ก ๆ ที่ใต้เยื่อบุลำไส้จะเกิดการอุตัน ทำให้เกิดภาวะการขาดเลือดของเยื่อบุลำไส้ สำหรับเชื้อที่มีความสามารถรุกแทรกได้ จะเข้าสู้กระแสเลือดทำให้โลหิตเป็นพิษ เชื้อจะเข้าสู่สมองและเยื่อหุ้มสมองทำให้เกิดการอักเสบ
วิการ
1. ชนิดโลหิตเป็นพิษ (Septicemic Salmonellosis) โรคนี้มักพบในสุกรหลังหย่านมที่อายุไม่เกิน 4 เดือน แต่อาจพบได้ในสุกรใหญ่ แต่ไม่พบในสุกรดูดนม
อาการ
สุกรจะแสดงอาการกระวนกระวาย ไม่กินอาหาร มีไข้สูง 105-107oF (40.5-41.6 oC) ซุกตัวอยู่ตามมุมคอกมีลักษณะ cyanosis ที่หู หาง ส่วนล่างของท้อง ปลายขาอัตราป่วย ค่อนข้างต่ำ ประมาณ 10-15 % ลักษณะที่ค่อนข้างจะจำเพาะของโรคนี้คือ อาการเปลี้ยหมดแรง และชักเป็นช่วง ๆ สุกรที่หายป่วยจะเป็นพาหะของโรคด้วยการถ่ายเชื้อออกมากับอุจจาระ อาการท้องเสียไม่ใช้อาการหลักของโรคชนิดโลหิตเป็นพิษ แต่สุกรจะแสดงอาการท้องเสียในวันที่ 3-4 โดยจะถ่ายเป็นสีเหลือง สุกรที่รอดตายจะเป็นพาหะของโรคต่อไป
วิการ
ผ่าซากจะพบการคั่งเลือดที่ หู ปลายเท้า หาง และผิวหนังท้อง วิการอุดตายที่กระเพาะ ม้ามโต ตับโต ต่อมน้ำเหลืองที่เยื่อแขวนลำไส้บวม และมีจุดเลือดออก วิการที่พบบ่อย ๆ คือ จุดขาวเล็ก ๆ กระจายที่ตับ ซึ่งจุดขาวนี้คือ จุดเนื้อตาย ซึ่งจะพบในสุกรที่ตายใน 2-3 วันแรก นอกจากนี้อาจพบวิการลำไส้อักเสบ colitis ส่วนเลือดออกที่เปลือกไต และเยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งอาจพบได้ไม่ใช่ลักษณะจำเพาะของโรคนี้
จุลพยาธิ
วิการที่ค่อนข้างจำเพาะคือ paratyphid nodule ที่ตับ โดยมีกลุ่มเซลล์ histiocyte อยู่กึ่งกลางของเนื้อตายที่ตับ ซึ่งสัมพันธ์กับจุดสีขาวที่ตับที่พบวิการผ่าซากวิการจะเพาะอีกอย่างกนึ่งของ Salmonellsis คือการมี fibrinoid thrombi ในเส้นเลือดของกระเพาะอาหาร และใน glomerulus capillary
2. แบบลำไส้ใหญ่อักเสบ (enterocolitis) พบได้บ่อยกว่าแบบโลหิตเป็นพิษ มักเกิดจากเชื้อ S. tyhisuis และ S. typhimurium มักพบในสุกรหลังหย่านมจนถึงอายุ 4 เดือน อาจพบได้บ่อยในสุกรขุน อัตราส่วนการตายไม่สูงนัก โดยสามารถพบอาการทั้งแบบปัจจุบัน (acute) และเรื้อรัง (chronic)
อาการ
เริ่มแรกมักพบอุจจาระร่วงเป็นสีเหลือง ในขั้นแรกจะไม่มีเลือดหรือ mucus ปน โรคจะแพร่กระจายไปยังตัวอื่น ๆ ในคอกอย่างรวดเร็ว ภายใน 2-3 วัน อาการท้องเสียจะกินเวลา 3-7 วัน จากนั้นจะกลับมาเป็นซ้ำอีก ในครั้งที่ 2 หรือ 3 อุจจาระมีเลือดให้เห็น สุกรจะกินอาหารน้อยลง และแสดงอาการขาดน้ำ สุกรที่หายจะเป็นพาหะของโรคต่อไปอีกหลายเดือน
วิการ
สุกรที่ตายด้วยอาการท้องเสียจะมีวิการเนื้อเป็นหย่อม กร่ะทั้งที่ลำไส้ใหญ่ กระพุ้งลำไส้ใหญ่ โดยพบแผ่นเนื้อเยื่อสีเหลืองอ่อนปกคลุมที่เยื่อบุผิวลำไส้ ลำไส้มักบวมน้ำเนื่องจากการคั่งน้ำในส่วน Colon และ Caecum อาจพนแผลเปื่อยเม็ดกระดุม Button ulcer ได้
จุลพยาธิ
วิการเฉพาะของโรค คือ การตายเฉพาะส่วนของเซลล์บุผิวลำไส้ enterocyte ทั้งในส่วนของ Crypt และพื้นผิว อาจพบทั้งแบบเป็นหย่อมและกระจาย การตายอาจลึกลงไปถึงชั้นใต้เยื่อเมือก Submucosa และ Lamina propria โดยเซลล์ชนิด macrophage จำนวนมาก และ Lymphocyte จำนวน่ปานกลางแทรกซึมทั่วไป โดยมี neutrophil จำนวนน้อยมาก การตายเฉพาะส่วนอาจลุกลามไปขั้นกล้ามเนื้อ และ Lymphoid follilcle ที่ตับจะพบวิการ paratyhiod nodule แต่ไม่มี necrosisการวินิจฉัย
1. จากประวัติ อาการ
2. วิการจากผ่าซาก
3. วิการจากตรวจทางจุลพยาธิวิทยา โดยมีการบ่งโรคที่เรียกว่า “ paratyphoid nodule” กระจายทั่วไปในเนื้อเยื่อของตับ โดยเฉพาะในการเกิดโรคแบบโลหิตเป็นพิษ
4. การะเพาะแยกเชื้อซัลโมเนลล่าจากเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เหมาะสม
การแก้ไขปัญหา
1. ใช้ยากระตุ้นจุลชีพที่เหมาะสม
2. เพิ่มการกูแลและปรับปรุงเรื่องการสุขภิบาลภายในฟาร์ม
3. แยกสุกรป่วยออกไปรักษาต่างหาก
4. กำจัดทำลายสุกรที่เป็นโรคอย่างเรื้อรัง
บรรณานุกรม
กิจจา อุไรรงค์ 2530. แนวทางการวินิจฉัย รักษา และควบคุมโรคสุกร. โรงพิมพ์สารมวลชน. กรุงเทพมหานคร. หน้า 31-44.
พัชรี ทองคำคูณ, กัญยา อาษายุทธ, อภัสสรา วรราช และพัชรี เผือกเทศ. 2538.
โรค Salmonellosis จากสุกรสู่คน. สัตวแพทยสาร 46 (4): 15-20.
Leman, A.D., Straw, B.E., Meugeling, W.L., Alliare, S.D. and Taylor D.J. 1992. Disease of Swine, 7 th ed. Wolfe Publishing Ltd. Lowa State University Press. Ames. Lowa. P. 570-583.
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กรมปศุสัตว์